×

เรื่องเล่าผ่านการเดินทางของ BMW ในงาน BMWCar Bimmermeet 2 [Advertorial]

17.02.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

6 Mins read
  • BMWCar Bimmermeet 2 เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย บริษัท 2000 พับลิชชิ่ง แอนด์ มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตนิตยสาร BMWCar ฉบับภาษาไทย สำหรับกลุ่มคนรักรถ BMW ในประเทศไทย ที่นำรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ BMW มาร่วมกันแลกเปลี่ยนเรื่องราว คำแนะนำ และประสบการณ์ต่างๆ ที่ Wonder World รามอินทรา เมื่อวันเสาร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
  • ภายในงานมีรถ BMW รุ่นที่พบเห็นได้ยากบนท้องถนนอย่าง Isetta 300 ที่ผลิตตั้งแต่ปี 1961 รวมถึง BMW M5 F90 สี Marina Bay Blue มาจัดแสดงภายในกล่องสีดำที่เจาะรูไว้ให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสเหมือนเป็นทีเซอร์ ก่อนเปิดตัวจริงภายในงานมอเตอร์โชว์เดือนมีนาคมนี้อีกด้วย
  • กฤษฎา อุตตโมทย์ Director Corporate Communications ของ BMW Group Thailand เชื่อว่า ภายในปี 2040 รถยนต์พลังงานทางเลือกจะกลายเป็นสาระสำคัญของการใช้งานทั่วโลก

กว่า 100 ปีมาแล้วที่เสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินใบพัดสัญชาติเยอรมันสตาร์ทขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อขับเคลื่อนใบพัดให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ จนสร้างกระแสลมที่จะพัดเข้าสู่ใต้ปีกเพื่อนำพาผู้คนออกเดินทางไปสู่ประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการเดินทางจากเครื่องบิน สู่มอเตอร์ไซค์ จนมาถึงรถยนต์

 

ใบพัดที่ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์สัญชาติเยอรมันเชื้อสายบาวาเรียภายใต้ชื่อ BMW ได้นำพาผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในสิ่งเดียวกันมารวมตัวกันที่ Wonder Wolrd บริเวณรามอินทรา กรุงเทพฯ ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

 

THE STANDARD ได้รับโอกาสพิเศษในการเข้าร่วมงานครั้งนี้ ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นความรู้สึกที่พิเศษมากๆ เพราะนี่คือโอกาสได้พบเห็นรถยนต์ BMW หลากหลายรุ่นที่ไม่สามารถพบเห็นทั่วไปบนท้องถนน หรือแม้กระทั่งรุ่นที่ยังไม่วางจำหน่ายในประเทศไทย

 

กิจกรรมนี้มีชื่อว่า BMWCar Bimmermeet 2 เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นโดย บริษัท 2000 พับลิชชิ่ง แอนด์ มีเดีย จำกัด ผู้ผลิตนิตยสาร BMWCar ฉบับภาษาไทย สำหรับกลุ่มคนรักรถ BMW ในประเทศไทย ซึ่งนอกจากรถยนต์ที่ได้ถูกนำมาเรียงต่อกันจนสะท้อนให้เห็นพัฒนาการการออกแบบในแต่ละยุคสมัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ละคันยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจและสามารถอธิบายการเดินทางผ่านเวลาของรถยนต์สัญชาติเยอรมันนี้ได้ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน ก่อนจะทะยานสู่อนาคต

 

 

อดีต (1961)

รถสามล้อคันสีเหลืองที่เห็นอยู่นี้เป็นหนึ่งในพระเอกของงาน เพราะด้วยความน่ารัก และไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้คนที่เข้าร่วมงานอยากเข้าใกล้และถ่ายรูปเก็บไว้ว่าครั้งหนึ่งได้เคยพบเจอกับ BMW รุ่น Isetta 300

 

จากการได้พูดคุยกับ ภัทร ศศิวิมลกุล เจ้าของรถคันดังกล่าว จึงได้พบกับเรื่องราวและความสามารถของรถคันนี้ ซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้รูปลักษณ์ที่โดดเด่นเลยทีเดียว

 

“เมืองไทยมีรถดีๆ อยู่เยอะ แต่ผมบังเอิญได้เจอกับเจ้าของรถคันนี้ ซึ่งปกติรถแบบนี้ก็ไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ จังหวะดีที่ตอนนั้นเขาอาจเบื่อ เลยยอมขายให้ผมเมื่อ 10 ปีที่แล้ว” ภัทรเล่าถึงวันที่เขาได้ก้าวมาเป็นเจ้าของรถสามล้อคันสีเหลือง ปี 1961 ที่จอดอยู่ข้างหน้าเรานี้

 

 

เมื่อถามถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูแปลกตา ภัทรเล่าที่มาของรถคันนี้ให้ฟังว่า “สมัยหลังสงครามโลก เท่าที่อ่านตามประวัติคือตอนนั้นน้ำมันแพง จึงมีการผลิตรถที่มีขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมัน ซึ่งมีการผลิตออกมาหลายยี่ห้อ เช่น มินิ, โฟล์กเต่า, เฟียต 500 แต่ BMW ได้ผลิตรถ Isetta ขึ้นมา ซึ่งการออกแบบเหมือนกับรูปไข่หรือ Egg Shape หากมองจากด้านข้าง ส่วนสาเหตุที่ต้องเป็นสามล้อ เพราะว่าตอนนั้น BMW ผลิตหลายประเทศ ตั้งแต่เยอรมนี บราซิล อังกฤษ แต่ละที่จะผลิตออกมาหน้าตาแตกต่างกันไป บังเอิญคันนี้ผลิตที่อังกฤษ เลยมีความพิเศษตรงที่เป็นสามล้อ เพราะจะทำให้เสียภาษีน้อยลง หรือใช้ใบขับขี่มอเตอร์ไซค์แทนได้ นอกจากนี้พวงมาลัยทั่วโลกจะผลิตพวงมาลัยซ้าย แต่ที่อังกฤษจะเป็นพวงมาลัยขวา มันจึงเป็นรุ่นพิเศษขึ้นไปอีก

 

“คันนี้อยู่กับผมมาสิบปี ผมไปไหนมาไหนกับรถคันนี้มาหลายที่ กรุงเทพฯ-หัวหินก็ไปมาแล้ว หลายๆ ครั้งที่ขับไปไหนก็มีคนทักทาย ผมรู้สึกว่ามันเป็นความน่ารัก ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นสีสันให้กับสถานที่แห่งนั้น

 

 

“จริงๆ ผมมีรถโบราณหลายคัน แต่เชื่อไหมครับว่าผมขายหมดทุกคัน ยกเว้นคันนี้ เพราะเป็นความประทับใจที่เวลาเราจับแล้วก็รู้สึกดีตลอด แม้ว่าจะไม่ได้เร็วมาก เพราะขับได้เร็วสูงสุดก็แค่ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 13 แรงม้า 300 ซีซี

 

“ผมเกิดที่ประเทศเยอรมนี ผมรู้สึกว่า BMW ก็อยู่คู่กับเยอรมัน ผมมีอะไรที่เป็นเยอรมันเยอะ ทั้งความชอบและการใช้ของ รู้สึกว่ารถเยอรมันเป็นรถที่ดี และ BMW E30 ก็เป็นรถที่ผมหัดขับรถครั้งแรก ซื้อรถคันแรกด้วยตัวเองก็ E46 ขี่มอเตอร์ไซค์คันแรกก็ BMW R50 เหมือนเป็นความผูกพันมาโดยตลอด สะสมรถก็สะสมแต่ BMW”

 

 

ตำนานของ BMW ในประเทศไทย

หลังจากได้ฟังเรื่องราวประวัติของรถที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เรามุ่งหน้าต่อเข้าไปสู่พื้นที่หลักของงาน ซึ่งด้านข้างของบูธบริเวณใจกลางของงานมีรถอีกคันที่มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ BMW M1 คันสีเขียวที่อยู่ตรงหน้าเรา

 

 

รถคันนี้เป็นของ กีระเกียรติ เย็นมะโนช ซึ่งทั้งเจ้าของรถและตัวรถนับได้ว่าเป็นตำนานของวงการแข่งรถในประเทศไทยเลยทีเดียว เนื่องจากรถคันนี้เริ่มต้นจากการเป็นรถโมเดลขนาด 1:24 มาประกอบเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างรถยนต์ไว้ใช้แข่งขันจนมาถึงรถคันที่เราเห็นอยู่ตรงหน้านี้ รวมถึงยังได้นำพารถคันนี้ไปคว้าแชมป์ระดับอาเซียนมาแล้วอีกด้วย

 

“ผมได้มีโอกาสสร้างรถเอง วันนั้นนึกอะไรไม่ออก นอกจากว่ารถอะไรที่สวย ได้เปรียบ และดูแปลกแตกต่างจากคนอื่นในสนาม ก็เลยนึกถึง BMW ว่ามีอะไรบ้าง จนมาสรุปจบที่ BMW M1 โดยเริ่มต้นผมซื้อรถต่อโมเดล 1:24 มาเป็นตัวโมเดลกับการที่จะสร้างรถคันนี้

 

“ใช้เวลานาน แต่สนุกและเซ็งเป็นระยะๆ แต่ผลโดยรวมแล้วภูมิใจและดีใจมาก เพราะรถเป็นไปตามที่เราคาดหวัง และรถวิ่งได้ดีมาก จนไปแข่งขันใน South East Asia Super Car ก็ได้แชมป์ประจำปีมา 2 ครั้ง” กีระเกียรติได้ให้สัมภาษณ์กับทาง #BMWstories ถึงเรื่องราวความเป็นมาของ BMW M1 ที่มาร่วมแสดงตัวในงานวันนี้

 

 

ปัจจุบัน (2018)

เมื่อเดินย้อนไปสู่บริเวณหน้างาน เราได้พบกับอีกหนึ่งไฮไลต์คือกล่องสีดำที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณที่จอดรถ แน่นอนว่าสิ่งที่อยู่ภายในต้องมีความพิเศษอะไรบางอย่างซุกซ่อนอยู่

 

หลังจากตามรอยผู้คนและเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามอย่างดุร้าย เราจึงพบว่าเมื่อมองผ่านช่องเล็กๆ บนกล่องสีดำนี้จะได้เห็น BMW M5 รุ่น F90 Marina Bay Blue ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้

 

 

อนาคต (2040)

ความโชคดีของเราในวันนี้ นอกจากสภาพอากาศหนาวเย็นที่เป็นใจ และเรื่องราวน่าประทับใจของรถยนต์คันต่างๆ แล้ว ในช่วงค่ำ THE STANDARD ยังมีโอกาสได้พูดคุยกับ กฤษฎา อุตตโมทย์ Director Corporate Communications ของ BMW Group Thailand ที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้

 

ด้วยความสงสัยที่เกิดขึ้นจากการได้เห็นพัฒนาการของ BMW ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน THE STANDARD จึงได้พูดคุยกับกฤษฎาถึงพัฒนาการของรถยนต์ในอนาคตจากมุมมองของแบรนด์ที่อยู่คู่การเดินของมนุษย์มายาวนานกว่า 100 ปี

 

อนาคตของรถยนต์พลังงานสะอาด Alternative Energy และ EV  

ในแนวทางของ BMW เราเห็นว่าเทคโนโลยีมันเป็นเทรนด์อยู่แล้ว เราเห็นกลุ่มของ ICE หรือ Internal Combustion Engine ซึ่งยังคงเป็นโมเดลที่ปัจจุบันนี้เรายังขายอยู่ และยอดการเติบโตจากโปรเจกชันที่เราเห็นยังมีอยู่เรื่อยๆ แต่จะมีจุดหนึ่งคือตัวรถที่เป็นพลังงานทางเลือก (Alternative Energy) เช่น Plug-in Hybrid หรือว่า EV จะเริ่มเทกออฟค่อนข้างสูงขึ้น ถามว่าจะเกิดขึ้นในปีไหน โปรเจกชันทั่วโลกบอกว่าในปี 2040 เป็นต้นไป เราจะเริ่มเห็นรถที่เป็น EV หรือรถที่ใช้แบตเตอรี่ Plug-in Hybrid มาทดแทนรถในปัจจุบันตั้งแต่ปี 2040 เป็นต้นไป อันนี้คือแนวทางที่มองไว้

ขณะที่ตัวของแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะดีขึ้นเรื่อยๆ บวกกับราคาที่ต่ำลง ฉะนั้นก็น่าจะเห็นอนาคตของรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่เยอะขึ้น

 

 

เราเข้าใกล้ยุค Self-Driving Car ขนาดไหนแล้ว  

ปัจจุบันนี้เราก้าวมาจากซ้ายสุด หากเปรียบเป็นกราฟก็น่าจะมาจากเลเวลที่ไม่มี Driving Assistance เลย ผ่านมาถึงในเลเวลที่ 2 เรามี Cruise Control ที่สามารถเอาเท้าออกได้ แล้วก็มาถึงยุคปัจจุบันที่เราเอามือออกจากพวงมาลัยได้ แต่ยังละสายตาจากถนนไม่ได้ ต้องมีสมาธิตลอด ฉะนั้นยังคงเป็น Semi Autonomous หรือเปรียบเป็นเลเวล 3 นะครับ

 

เลเวล 4 คือเราสามารถละสายตาจากถนนได้ แต่ยังต้องมีสมาธิกับถนนตลอดเวลา อันนี้คือก้าวต่อไปของเรา ถัดจากนั้นไปก็คือขึ้นรถปุ๊บ เราเอาหนังสือมาอ่าน หรือหลับไปเลยก็ได้ แต่ขั้นสุดท้ายที่บริษัทรถยนต์อยากจะไปก็คือ No Driver คือแค่กดนำทางและนั่งเบาะหลัง รถจะสามารถควบคุมตัวเองได้

 

อีกนานไหมกว่าจะข้ามไปเลเวลที่ 3 หรือ 4 แบบเต็มตัว

เทคโนโลยีมารออยู่แล้ว แต่ว่าสภาพแวดล้อมยังไม่เป็น Autonomous ทั้งหมด ฉะนั้นปัจจัยอื่นๆ ทั่วไป เช่น ไฟเขียว-ไฟแดง คนขับรถคันอื่นๆ ที่ขับเอง บางครั้งก็พร้อมที่จะมาโอเวอร์เทกเลนเราได้เสมอ แต่ถ้าเป็น Autonomous ทั้งหมดจะรับรู้ซึ่งกันและกัน แต่เราอยู่ในช่วงเวลาที่ยังต้องระมัดระวังความปลอดภัย ซึ่งยังต้องพัฒนากันอีกมากกว่าจะสามารถนำมาใช้ได้

 

ถือว่ากิจกรรม BMWCar Bimmermeet ครั้งที่ 2 ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้คนต่างๆ ที่นำพาเรื่องราวมาช่วยให้เรามองเห็นทิศทางของพัฒนาการรถยนต์ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถเดินทางออกไปได้ไกลขึ้นและเร็วขึ้น เพื่อสร้างสรรค์เรื่องราวจากการเดินทางครั้งใหม่อยู่เสมอ และน่าสนใจว่าในปีต่อๆ ไปในอนาคต ช่วงเวลา 10-20 ปีข้างหน้า เราจะได้เห็นรถยนต์ในรูปแบบใดมาร่วมจัดแสดง และจะมีเรื่องราวแบบไหนมาสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนนำเรื่องราวเดินทางมาแบ่งปันกันต่อไป

FYI
  • หนึ่งในเอกลักษณ์การออกแบบของรถยนต์ BMW คือสิ่งที่เรียกว่า Kidney Grille เป็นกระจังหน้าสองช่องที่จะมีในรถทุกรุ่นของ BMW ตั้งแต่ BMW 502 ที่มาพร้อม Kidney Grille แบบยาวๆ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแบบกว้างบ้าง หรือแม้แต่ BMW I8 ก็ยังมี Kidney Grille แต่ไม่ได้เปิด จนถึงทุกวันนี้ Series 5 ก็มี Kidney Grille ที่สามารถเปิด-ปิดได้ข้างในด้วย
  • #BMWStories คือแคมเปญล่าสุดที่ทาง BMW ประเทศไทย ชวนเจ้าของรถ BMW มาบอกเล่าความประทับใจและแพสชันที่มีต่อรถคันโปรด ด้วยความเชื่อว่าเรื่องราวของทุกคนสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้ ติดตามได้ที่ 

 

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X