เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดประเด็นร้อนแรงขึ้นในจีน หลังจากที่มีชายรายหนึ่งแขวนป้ายข้อความประท้วงประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ณ สะพานแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอีกหลายกลุ่ม เพราะนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จีนพบการเขียนข้อความเชิงต่อต้านผู้นำในอีกหลายเมืองทั่วประเทศ ขณะที่ทางการก็เร่งเซ็นเซอร์การค้นหาภาพและข้อความที่เกี่ยวข้องกับเหตุประท้วงครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นกรณีที่พบได้ยากยิ่งในจีน โดยเฉพาะในช่วงการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ทางการเมืองที่สำคัญมาก
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา มีคนนำป้ายขึ้นไปแขวนบนสะพานของเส้นทางสัญจรหลักในทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ซึ่งเขียนข้อความว่า “ไม่เอาการตรวจโควิด เราจะเอาอาหาร ไม่เอาการล็อกดาวน์ เราอยากได้เสรีภาพ ไม่เอาคำโกหก เราอยากได้ศักดิ์ศรี ไม่เอาการปฏิวัติทางวัฒนธรรม เราสนับสนุนการปฏิรูป ไม่เอาผู้นำเผด็จการ เราอยากลงคะแนนเสียง เราไม่ใช่ทาส แต่เราเป็นพลเมือง” ขณะที่อีกป้ายหนึ่งมีข้อความว่า “จงออกมาประท้วง กำจัดสีจิ้นผิงจอมเผด็จการและผู้ทรยศชาติ”
แม้เจ้าหน้าที่จะรีบเข้ามาจัดการเอาป้ายดังกล่าวออกไปหลังเกิดเหตุเพียงไม่นาน แต่ข่าวที่เกิดขึ้นก็แพร่กระจายไปบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ก็ปรากฏว่ามีคนไปแอบเขียนข้อความในลักษณะเดียวกันอย่างลับๆ อย่างน้อยใน 8 เมืองของจีน รวมถึง เซินเจิ้น เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว และฮ่องกงด้วย
รายงานจาก VoiceofCN ซึ่งเป็นกลุ่มชาวจีนนิรนามที่จัดทำบัญชี Instagram สนับสนุนประชาธิปไตย เปิดเผยว่า พวกเขาได้รับภาพข้อความประท้วงสีจิ้นผิงตามสถานที่ต่างๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่กว่า 20 ภาพ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพ่นสีข้อความในห้องน้ำ หรือป้ายแปะอยู่บนกระดานแจ้งข่าวสารในโรงเรียน โดยห้องน้ำเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นบริเวณปลอดกล้องวงจรปิด เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าจีนเป็นประเทศที่มีกล้องวงจรปิดอยู่แทบจะทุกที่ ยกตัวอย่างเช่น มีภาพหนึ่งที่เขียนข้อความตัวใหญ่ว่า “ไม่เอาเผด็จการ” บนผนังห้องน้ำที่ China Film Archive Art Cinema ในกรุงปักกิ่ง
นอกจากนี้ สำนักข่าว BBC ยังรายงานด้วยว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป ออสเตรเลีย และประเทศอื่นๆ ก็พบข้อความต่อต้านสีจิ้นผิงในลักษณะคล้ายคลึงกันด้วย
แอดมินของ VoiceofCN เปิดเผยว่า สมาชิกของกลุ่มส่วนใหญ่เป็นคนที่อาศัยอยู่นอกจีนแผ่นดินใหญ่ แต่พวกเขาก็ล้วนเติบโตในจีนมาก่อน โดยพวกเขามองว่า การที่ผู้คนผุดป้ายข้อความประท้วงนั้น เป็นหนทางหนึ่งที่จะได้ระบายความโกรธที่อัดอั้นอยู่ในใจมานาน จากมาตรการที่เข้มงวดและการเซ็นเซอร์อย่างหนักหน่วงของรัฐบาล
ปัจจุบันสีจิ้นผิงกำลังเผชิญกับกระแสความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบาย Zero-COVID ท่ามกลางการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งจะปูทางสู่การขึ้นครองตำแหน่งผู้นำต่อเป็นสมัยที่ 3 โดยเมื่อปี 2018 ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันมาก่อน ซึ่งในขณะนั้นมีนักศึกษาจีนในมหาวิทยาลัยต่างประเทศหลายแห่งพร้อมใจกันผุดข้อความประท้วงว่า “นี่ไม่ใช่ประธานาธิบดีของฉัน” หลังจากกฎที่จำกัดการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเพียง 2 วาระได้ถูกยกเลิกไปในปีดังกล่าว
ภาพ: citizensdailycn / Instagram Via Bloomberg
อ้างอิง:
