วันนี้ (9 ตุลาคม) ที่ห้อง ThinkLab ชั้น 1 พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย, สุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ, วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรค และประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม, ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค และคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ, ดร.ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรค และประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม เปิดตัวนโยบายเพื่อไทย ‘เพื่อชัยชนะแบบแลนด์สไลด์’ ในงานฟอรั่มนโยบาย ครั้งที่ 1
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์จะเป็นกุญแจดอกเดียวที่จะช่วยพี่น้องประชาชนให้มีชีวิตใหม่ที่ดีขึ้นและลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง โดยพรรคเพื่อไทยได้เตรียม 3 เสาหลักสู่ชีวิตใหม่ของประชาชนพร้อมแล้วคือ
- ผู้แทนราษฎรที่เข้าถึงพื้นที่ เข้าใจประชาชน
- นโยบายที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหาและทำได้จริงตามที่สัญญาไว้
- ผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและความสามารถ ประชาชนสามารถฝากความหวังและมอบความไว้วางใจ นำพาประเทศพ้นวิกฤต
วันนี้เพื่อไทยจัดงานขึ้นเพื่อเปิดตัวเสาหลักนโยบาย ‘ชุดนโยบายชุดเศรษฐกิจ’ ภายใต้แนวคิด ‘พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อรายได้ใหม่ของประชาชน’ ส่วนนโยบายชุดอื่นๆ จะมีการเปิดตัวในลำดับถัดไป รับรองไม่ให้ประชาชนผิดหวังอย่างแน่นอน
นพ.พรหมินทร์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพรรค กล่าวนำว่า ประเทศไทยอยู่ในวิกฤต ประชาชนเป็นทุกข์เพราะรายได้น้อย เป็นหนี้ ไม่มีกำลังซื้อ ร้านค้าขายของไม่ได้ โรงงานผลิตไม่ได้ ไม่จ้างงาน รัฐก็เก็บภาษีไม่ได้ และรัฐบาลประยุทธ์แก้หนี้ด้วยการสร้างหนี้ แต่เพื่อไทยคิดต่าง เราจะทำให้ ‘เศรษฐกิจดีด้วยรายได้ใหม่’ เพื่อไทยจะแก้หนี้ด้วยการสร้างรายได้ และรายได้นั้นจะต้องเป็นรายได้ใหม่ที่เพิ่มขึ้นให้กับคนทุกกลุ่ม ประเทศและประชาชนจะต้องถูกปลดปล่อยศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่มากมาย เพื่อไทยวางทิศทางโดยมีเป้าเพื่อกอบกู้สถานการณ์ย่ำแย่ของประเทศไทย ขอให้เชื่อมั่นว่าเพื่อไทยทำได้จริง เพราะเราทำสำเร็จมาแล้วในอดีต ประชาชนไทยจะต้องอยู่ดีกินดีอีกครั้ง
วิสุทธิ์ ในฐานะประธานคณะทำงานด้านวางระบบเกษตรกรรม กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘ผ่าตัดเกษตรกรรม’ รดน้ำที่ราก สร้างเงินจากดิน พลิกเปลี่ยนชีวิตเกษตรกรให้หายจนอย่างถาวร ว่า ประเทศไทยติดหล่ม การเกษตรไทยตกหลุม เพราะเกาไม่ถูกที่คัน จึงทำให้เกษตรไทยอยู่ในวงเวียนวัฏจักรแบบเดิมๆ คือเจ็บและจน ดังนั้นการเกษตรจะต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ด้วยหลักการ ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ คือผลิตสิ่งที่ตลาดต้องการ ใช้ความรู้และเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต พร้อมหาโอกาสใหม่ๆ เช่น ใช้ความรู้สมัยใหม่เพิ่มผลผลิตจากพืชที่ปลูกอยู่แล้ว เช่น ข้าว และยาง ผลิต ‘พืชอาหารสัตว์’ เช่น ข้าวโพด และถั่วเหลือง เพื่อทดแทนการนำเข้าและขยายการส่งออกด้วยโครงการโคขุนเงินล้าน สำหรับการบรรเทาทุกข์ระยะเร่งด่วน นโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อมๆ กับการสร้างรายได้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ด้วยโครงการบำนาญเกษตรกร ซึ่งจะทำเพื่อดูแลเกษตรกรรุ่นบุกเบิกและดึงดูดเกษตรกรรุ่นใหม่ เปลี่ยนเงินให้เปล่าเป็นต้นทุนสร้างชีวิต ผลิตรายได้ให้เกษตรไทยไทยอย่างยั่งยืน โดยมีหลักทำงานคือ ดินนำ น้ำดี มีต้นพันธุ์ ยืนยันราคา จัดหาแหล่งทุน สนับสนุนกรรมสิทธิ์ มีเป้าเปลี่ยนผืนแผ่นดินเดิมจากที่เคยสร้างรายได้ 10,000 บาทต่อไร่ต่อปี เพิ่มเป็น 30,000 บาทต่อไร่ต่อปี ประชาชนคนไทยทุกคน ทุกภาค ส่วนได้ประโยชน์
ดร.เผ่าภูมิ ในฐานะคณะทำงานด้านยกเครื่องเศรษฐกิจ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เขตธุรกิจใหม่’ (New Business Zone: NBZ) ดึงเงินนอก ปลุกเงินใน เปลี่ยนเงินที่หลับใหลเป็นเงินที่สร้างเงิน ด้วย ‘เขตธุรกิจใหม่’ 4 แห่ง คือ เชียงใหม่ กรุงเทพ ขอนแก่น และหาดใหญ่ โดยในเขตธุรกิจใหม่นี้พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าสร้างกุญแจ 3 ดอกให้กับประเทศคือ
กุญแจดอกที่ 1 กฎหมายธุรกิจชุดใหม่ เพื่อปลดล็อกปัญหาการทำธุรกิจในทุกมิติ รวมถึงดึงการลงทุนจากต่างชาติเข้าแก้ปัญหาทั้งด้านใบอนุญาต แรงงาน นำเข้า ส่งออก และธุรกรรมระหว่างประเทศ
กุญแจดอกที่ 2 สิทธิประโยชน์ใหม่ ภาษีจากกำไร ภาษีเงินได้ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีนำเข้า จะได้สิทธิประโยชน์ไม่แพ้ที่ใดในโลก
กุญแจดอกที่ 3 ระบบนิเวศใหม่ โดยการสร้างสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ระบบการศึกษาและการผลิตคนใหม่ และระบบธนาคารใหม่ เป็นกองหลังเพื่อผลักกองหน้า ซึ่งได้แก่ ภาคเอกชน ให้ขับเคลื่อนได้
โดยกุญแจทั้งสามดอกจะถูกสร้างขึ้นในเขตธุรกิจใหม่ และรายได้ใหม่จะถูกสร้างให้กับประชาชน
สุทิน ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการขจัดปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เงินโอน คนสร้างตัว’ (Earned Income Tax: EIT) ว่า พรรคเพื่อไทยต่อสู้กับ ‘ความจน’ เพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน และผลงานที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าได้ช่วยลดความยากจนลงได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเราเริ่มคิดจากนโยบายที่ทำได้จริง โดย ‘เงินโอน คนสร้างตัว’ จะทำให้ผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าจะดำรงชีพได้รับเงินภาษีแทนการจ่ายเงินภาษี จนกระทั่งมีความมั่นคงและสร้างตัวได้ ส่วนการจัดสรรความช่วยเหลือทางการเงิน จะเน้นไปที่กลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุด ซึ่งประเด็นสำคัญที่สุดของนโยบายนี้คือ การสร้างแรงจูงใจให้คนทำงานเข้ามาในระบบและมีโอกาสพัฒนาสร้างตัวเองไปด้วย
ดร.ณหทัย ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการส่งเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘เรียนรู้มีรายได้ เรียนรู้ง่าย ตลอดชีวิต’ (Lifelong Learning Lifelong Earning) ว่าเพื่อไทยจะสร้างแพลตฟอร์มจับคู่สมรรถนะของคนเข้ากับงานที่ใช่ เพื่อช่วยให้มีงานทำเร็วที่สุด ตรงกับสมรรถนะของตนเองมากที่สุด และสร้างรายได้ที่ดีที่สุด เป็นการกระจายอำนาจให้ประชาชนได้เข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม โดยในแพลตฟอร์มนี้ผู้ใช้จะสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ที่หลากหลายได้ตลอดเวลา สะสมเครดิตการเรียนและเทียบคุณวุฒิเพื่อไปต่อยอดการทำงานโดยไม่มีวันหมดอายุ และในภาพกว้างนอกจากข้อมูลจากแพลตฟอร์มนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการสร้าง Big Data พัฒนาทรัพยากรมนุษย์แล้ว ก็เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยแข่งขันได้บนเวทีโลกอย่างไม่ด้อยกว่าชาติใดด้วย
แพทองธาร ในฐานะประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม กล่าวนำเสนอนโยบาย ‘1 ครอบครัว 1 ศักยภาพ ซอฟต์พาวเวอร์’ (One Family One Soft power: OFOS) ว่า คือการสร้างเงินจากสมองและสองมือ หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราจะทำสิ่งสำคัญ 3 อย่าง คือ
- พัฒนาศักยภาพคนไทยผ่านศูนย์บ่มเพาะที่อยู่ในชุมชน ทักษะต่างๆ เช่น อาหาร แฟชั่น กีฬา การเขียนโปรแกรม และความสามารถทาง E-Sport จะถูกถ่ายทอดฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมส่งเสริมและผลักดันให้ความสามารถนั้นออกไปสู่เวทีใหญ่จนก้าวไปถึงระดับนานาชาติ
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยแก้กฎหมายที่ปิดกั้นโอกาส สร้างพื้นที่สร้างสรรค์ให้มากพอ และเชื่อมภาคเอกชนเข้ากับภาคประชาชน หรือคือการเชื่อมผู้ผลิตเข้ากับแหล่งวัตถุดิบ จะทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด
- ออกแบบนโยบายต่างประเทศ เน้นการส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรม ใช้การทูตขยายอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ด้วยการเปิดตลาดใหม่ๆ เพราะศักยภาพของทุกคนสามารถสร้างเป็นรายได้ได้อย่างไม่สิ้นสุด
แพทองธารกล่าวปิดท้ายว่า ในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทยจะดำเนินการด้วย ‘บันได 4 ขั้น เพื่อหมุดหมายชีวิตใหม่ของประชาชน’ คือ
– บันไดขั้นที่ 1 ‘เพื่อศักยภาพใหม่’ ของประเทศและประชาชนไทย
– บันไดขั้นที่ 2 ‘เพื่อรายได้ใหม่’ แก้หนี้สินด้วยการเพิ่มพูนรายได้ทวีคูณ ให้เศรษฐกิจประเทศไทยเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางบันได
– ขั้นที่ 3 ‘เพื่อสังคมใหม่’ ความมั่นคงคือความปลอดภัยของทุกคนอย่างเท่าเทียม
– บันไดขั้นที่ 4 ‘เพื่อการเมืองใหม่’ ที่หลักนิติรัฐ นิติธรรม เข้มแข็ง รัฐธรรมนูญต้องมีที่มาจากประชาชน วุฒิสภาต้องไม่มีอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี และรัฐของราชการต้องถูกเปลี่ยนเป็นรัฐของประชาชนอย่างแท้จริง
“เวลาของประยุทธ์หมดแล้ว ตอนนี้ถึงเวลานับถอยหลังสู่ความเข้มแข็งของประชาชนและความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาลเพื่อไทย เพื่อศักยภาพใหม่ เพื่อรายได้ใหม่ เพื่อสังคมใหม่ เพื่อการเมืองใหม่ คือบันได 4 ขั้นสู่แลนด์สไลด์ พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” แพทองธารกล่าว