วันนี้ (4 ตุลาคม) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการเตรียมเสนอแก้ไข พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ตามกรอบ 180 วัน ว่ามีการเริ่มนับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง และมีข้อห้ามในการหาเสียง ซึ่งเดิมใช้แค่ 90 วัน เพราะเจตนารมณ์เพื่อให้ความเป็นธรรมในการแข่งขันระหว่างพรรคใหญ่และพรรคเล็ก แต่วิธีการออกระเบียบเช่นนี้ไปกระทบกับประชาชนในภาวะวิกฤต
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงมีมติทำข้อเสนอไปที่คณะกรรมการการเลือกตั้งว่ามีข้อกฎหมายใดที่สามารถออกระเบียบได้ เพราะจากที่เห็นมีช่องว่างที่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ก็ได้มีการเตรียมเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสมัยประชุมครั้งต่อไป และยืนยันว่าการแก้ไขจะทันตามกรอบของสภา
ส่วนกรณีการปรากฏตัวของ เนวิน ชิดชอบ จะมีการเมืองแอบแฝงหรือไม่นั้น ตนเองมองว่านี่เป็นวันเกิด ทุกคนจัดวันเกิดไม่แปลก ส่วนจะมีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ก็ต้องดูข้อเท็จจริง จะมองว่าเนวินอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน อนุทิน ชาญวีรกูล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ก็ตีความได้ แต่ในวงการก็รู้กันอยู่แล้ว
ส่วนจะเป็นการส่งสัญญาณเพื่อที่จะจับมือกับเพื่อไทยหรือไม่นั้น ตนมองว่าหากเป็นก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่พรรคการเมืองจะจับมือกัน เพราะเป็นการปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชน
“พรรคเพื่อไทยไม่มีการจับมือกับใคร ส่วนหลังเลือกตั้งก็เป็นเงื่อนไขที่ต้องมาดูข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้มีเสียงเกิน 300 เสียง โดยมีเงื่อนว่าต้องมีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่เป็นพรรคที่สนับสนุนเผด็จการ และสามารถทำงานในทิศทางเดียวกันได้” นพ.ชลน่านกล่าว
ส่วนกรณีที่มี ส.ส. พรรคเพื่อไทย ไปร่วมงานวันเกิดของเนวินนั้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า ถ้าเป็นคนที่จะย้ายพรรคอยู่แล้วก็ไม่แปลก แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูพฤติการณ์ว่าทำความเสียหายให้กับพรรคเดิมหรือไม่
นพ.ชลน่านยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ เตรียมชูหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 ว่าพรรคเพื่อไทยไม่หนักใจและไม่กังวล เพราะถือว่าทุกพรรคเป็นคู่แข่งทางการเมืองอยู่แล้ว ยิ่ง พล.อ. ประวิตรมา ต้องมาดูพรรคเพื่อไทยว่ายังมีอะไรที่ไม่ครอบคลุม หละหลวมหรือไม่ ต้องเพิ่มความเข้มข้น ต้องรู้จักตัวเอง ไม่ประมาท เพื่อสื่อไปยังประชาชน พร้อมยินดีกับพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเอาหัวหน้าพรรคของตัวเองขึ้นมาเป็นแคนดิเดตหมายเลข 1 ซึ่งทางการเมืองควรเป็นเช่นนั้น