แบงก์ชาติจีนเผย เงินหยวน ได้รับความนิยมจากรัสเซียเพิ่ม

เว็บไซต์ Global Times รายงานเมื่อวันที่ 29 กันยายน ว่าสินทรัพย์สกุลเงินหยวนของจีนได้รับความนิยมจากตลาดรัสเซียเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลพวงจากความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีระหว่างจีนกับรัสเซียที่แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยรัสเซียประเมินว่า ปริมาณการซื้อขายระหว่างเงินหยวนจีนกับรูเบิลของรัสเซียจะมากกว่าปริมาณการซื้อขายระหว่างรูเบิลและดอลลาร์ภายในปีหน้า

Li Xin ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า รัสเซียต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรโดยตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้รัสเซียลดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐและยูโร และหันมาเพิ่มการชำระเงินด้วยสกุลเงินท้องถิ่นของรัสเซียหรือประเทศคู่ค้าในการค้าระหว่างประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

นอกจากนี้ Li กล่าวเสริมว่า จีนไม่เพียงแต่เพิ่มการใช้หยวนในการค้าที่เพิ่มขึ้นกับจีนเท่านั้น แต่ยังเริ่มใช้หยวนเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ เช่น อินเดีย โดยผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดของอินเดีย UltraTech Cement ได้จ่ายค่าขนส่งถ่านหินจาก SUEK ผู้ผลิตในรัสเซียด้วยเงินหยวน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายนที่ผ่านมา

นอกเหนือจากข้อตกลงทางการค้าแล้ว ธุรกิจยักษ์ใหญ่ของรัสเซียบางรายได้เริ่มออกบอนด์สกุลเงินหยวนด้วยเช่นกัน เช่น PJSC Polyus บริษัทขุดทองรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียได้ออกบอนด์อายุ 5 ปี ในรูปสกุลเงินหยวนที่มีอัตราดอกเบี้ย 3.8% ต่อปี มูลค่ารวม 4.6 พันล้านหยวน ซึ่งมีการเปิดตัวเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา

ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีน พบว่า จีนและรัสเซียได้ยกระดับความร่วมมือในด้านเศรษฐกิจและการค้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยการค้าระดับทวิภาคีเห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2021 การค้าทวิภาคีของสองประเทศมีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 1.4687 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 35.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี

นอกจากนี้ จีนยังคงเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของรัสเซียเป็นปีที่ 12 ติดต่อกัน ขณะที่ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การค้าทวิภาคีมีมูลค่า 117,200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 31.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี พร้อมคาดว่าการค้าระดับทวิภาคีระหว่างรัสเซียกับจีนจะพุ่งทำสถิติสูงสุดอีกระลอก

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญหลายสำนักรวมถึง Li มองว่า เงินหยวนจีนยังมีข้อได้เปรียบสำหรับธุรกิจรัสเซียที่มองหาทางเลือกอื่นแทนดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดในกว่า 120 ประเทศและภูมิภาค

ขณะเดียวกัน Li กล่าวว่า เงินหยวนของจีนยังได้รับความนิยมในตลาดต่างประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาการ ทำให้หยวนมีความเป็นสากลเพิ่มขึ้นระยะยาว

ด้านธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 กันยายน ว่าจีนจะกระชับการปฏิรูปเงินหยวนตามตลาดให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และรักษาอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน (RMB) ให้อยู่ในช่วงที่มีเสถียรภาพ สมเหตุสมผล และสมดุล

โดยเจ้าหน้าที่ของทางการจีน เน้นว่าอัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนยังคงอยู่ใน ‘เสถียรภาพพื้นฐาน’ ไว้ที่ระดับที่สมเหตุสมผลและสมดุลในปีนี้ ในขณะที่เตือนไม่ให้มีการเข้าไปเก็งกำไรค่าเงินหยวน

เร่งปล่อยสินเชื่อพิเศษ หวังประคองภาคอสังหา

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังเปิดเผยเพิ่มว่า ทางธนาคารกลางจะเร่งดำเนินการเกี่ยวกับสินเชื่อพิเศษเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการส่งมอบอาคารที่อยู่อาศัยตามกรอบเวลาที่กำหนดและเพิ่มขอบเขตการสมัครขอสินเชื่อตามความจำเป็น

การเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ทางธนาคารกลางจีนจัดประชุมรายไตรมาส โดยธนาคารกลางจีนระบุว่า รัฐบาลท้องถิ่นควรใช้นโยบายเฉพาะของเมืองเพื่อรองรับความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ส่งเสริมการใช้สินเชื่อพิเศษอย่างเร่งด่วนเพื่อรับประกันการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มความแข็งแกร่งตามความจำเป็น

ก่อนหน้านี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงการคลัง กระทรวงการเคหะ และธนาคารกลางจีนได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่าทางการจีนจะจัดทำสินเชื่อพิเศษผ่านธนาคารเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการอสังหาริมทรัพย์จะหมดปัญหาสภาพคล่อง สามารถดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ และถูกส่งไปยังผู้ซื้อได้ตามกำหนด โดยการสนับสนุนของสินเชื่อพิเศษนี้จะขยายออกไปให้ครอบคลุมเฉพาะโครงการที่ประสบปัญหาในการส่งมอบ

ทั้งนี้ กระทรวงทั้ง 3 แห่งของจีน กล่าวว่า ช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัทอสังหาริมทรัพย์บางแห่งสามารถอยู่ได้เพราะพึ่งพาสินเชื่อธนาคาร ทำให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนักเมื่อทั้งอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดที่ฉุดยอดขายลงอย่างรุนแรง จนสุดท้ายต้องส่งมอบโครงการล่าช้า และบางโครงการต้องระงับการก่อสร้าง

โครงการสินเชื่อพิเศษนี้ ทำให้ประกอบการด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีนจำนวนหนึ่ง รวมถึง Evergrande, Sunac และ Overseas Chinese Town Holdings Co เริ่มกลับดำเนินการก่อสร้างที่อยู่อาศัยอีกครั้งภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลท้องถิ่น

เช่นเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลท้องถิ่นในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของประเทศจีน ได้กำหนดให้บรรดาโครงการบ้านที่หยุดชะงักไป ต้องกลับมาดำเนินการก่อสร้างต่อภายในวันที่ 6 ตุลาคมนี้

ขณะที่ทางด้าน Meng Wei โฆษกคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน กล่าวเมื่อวันที่ 19 กันยายน ว่าจะใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อเร่งการก่อสร้างโครงการบ้านและที่อยู่อาศัยทั้งหลายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากที่มีการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อการพัฒนาตามนโยบายมูลค่า 3 แสนล้านหยวนรอบแรก

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH