กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการนอร์เวย์ หรือ The Norwegian Government Pension Fund ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีมูลค่าสินทรัพย์ราว 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ เริ่มกำหนดเป้าหมาย Net Zero หรือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์สำหรับบริษัทที่กองทุนเข้าลงทุน โดยเบื้องต้นได้กำหนดให้บริษัทใดๆ ก็ตามที่กองทุนถือหุ้นต้องบรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 ซึ่งสอดคล้องกับนักลงทุนทั่วโลกจำนวนมาก
โดยกองทุนฯ ระบุว่า สาเหตุที่กำหนดเป้าหมายดังกล่าว ก็เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินจากการเปลี่ยนแปลงที่ล่าช้า
ช่าวที่เกี่ยวข้อง
- อีวอง ชูนาร์ด ผู้ก่อตั้ง Patagonia บริจาคบริษัทตัวเองมูลค่า 1.1 แสนล้านบาท เพื่อต่อสู้กับ ‘ภาวะโลกร้อน’
- บิล เกตส์ เตรียมสละตำแหน่งมหาเศรษฐีโลก ด้วยการบริจาคทรัพย์สินราว 2 แสนล้านดอลลาร์ให้การกุศล คืนประโยชน์สู่สังคม
- SCBX Group ชู 4 ยุทธศาสตร์ มุ่งสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงิน Net Zero ภายในปี 2050
ทั้งนี้ กองทุนตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันให้พันธกิจ Net Zero บรรลุเป้าหมายผ่านเป้าหมายชั่วคราวและแผนการลดมลพิษ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับนักลงทุนสถาบันอื่นๆ เช่น BlackRock Inc. ที่ได้กำหนดเป้าหมาย Net Zero แล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางกลุ่มที่เห็นต่างออกไปโต้แย้งว่า การตั้งเป้าหมายเช่นนี้ไม่ได้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ
“วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาเหล่านี้คือบริษัทต่างๆ มีผู้ถือหุ้นที่รับผิดชอบ” นิโคไล แทนเกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Norges Bank กล่าว แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับกองทุนในการช่วยลดความเสี่ยงต่อสภาวะอากาศด้วยการขายหุ้นบริษัทที่ก่อมลพิษขนาดใหญ่ออกไป แต่วิธีการเช่นนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาด้านสภาวะอากาศได้อย่างแท้จริง
“วิธีที่ดีสุดคือบริษัทพวกนี้ต้องมีผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริง” แทนเกนกล่าวย้ำ
แทนเกนกล่าวเพิ่มว่า วิกฤตด้านพลังงานในยุโรปกำลังสร้างแรงกดดันต่อสภาพภูมิอากาศโลก และในระยะยาวราคาพลังงานที่สูงขึ้นเหล่านี้อาจกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานทางเลือกมากขึ้น
แครีน สมิธ อีนาโช หัวหน้าฝ่ายการจัดการการลงทุนและฝ่ายกฎหมายของ Norges Bank กล่าวว่า ณ ปัจจุบันมีบริษัทเพียง 10% ในพอร์ตลงทุนกองทุนฯ เท่านั้นที่มีการกำหนดเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 แม้ว่าหลายบริษัทได้ก้าวไปสู่เป้าหมายการปล่อยมลพิษแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากระทรวงการคลังของนอร์เวย์ระบุในเอกสารเผยแพร่ต่อสาธารณะว่า ต้องการให้กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติใช้ความพยายามในการลงทุนอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทต่างๆ จะดำเนินธุรกิจในลักษณะที่สอดคล้องกับการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ทั่วโลก
และล่าสุดกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ระบุว่า จะเปลี่ยนวิธีการมีส่วนร่วมกับบริษัทมากกว่า 9,000 แห่งที่กองทุนเข้าลงทุน โดยขอเป้าหมายระยะสั้น ระยะกลาง และเป้าหมาย Net Zero ที่รับรองโดยหลักวิทยาศาสตร์ รวมถึงจะพิจารณาแผนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานที่น่าเชื่อถือ และการเปิดเผยข้อมูลที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยภายในพอร์ตโฟลิโอ 174 บริษัท คิดเป็น 70% ของขอบเขตที่ 1 และการปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 2
ทั้งนี้ ขอบเขตที่ 1 หมายถึงมลพิษที่ผลิตโดยบริษัทโดยตรง ส่วนการปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 2 หมายถึงมลพิษที่เกิดจากแหล่งพลังงานที่บริษัทซื้อมาใช้ และการปล่อยมลพิษในขอบเขตที่ 3 เกิดจากห่วงโซ่อุปทานและการใช้ผลิตภัณฑ์ของลูกค้า
“นี่เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ มันไม่ง่ายเลย เราอยู่ที่จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และสังคม ระบบพลังงานทั้งหมดจะต้องเปลี่ยนแปลง” อีนาโชกล่าว
ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา กองทุนได้ขายธุรกิจออกไปแล้วกว่า 150 แห่ง และลงทุนในบริษัทต่างๆ ที่เต็มใจที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น
นอกจากนี้กองทุนยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาระบบสำหรับชี้วัดความเสี่ยงและโอกาสจากสภาพภูมิอากาศภายในปี 2050 เบื้องต้นมีการกำหนดกรอบว่า สัดส่วนการลงทุนในบริษัทที่ ‘สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ’ ควรมีเป้าหมาย Net Zero ในปีเดียวกันด้วย โดยเฉพาะบริษัทที่มีการปล่อยมลพิษสูง โดยกองทุนตั้งเป้าว่า ทุกบริษัทในพอร์ตโฟลิโอจะต้องกำหนดเป้าหมายเรื่อง Net Zero ภายในปี 2040
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP