พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ตัดสินใจมอบสัญญาฉบับใหม่ให้กับ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนชาวเซอร์เบียพร้อมทีมงานสตาฟฟ์โค้ช คุมฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ต่อไปถึงปี 2020
โดยก่อนหน้านี้ มิโลวาน ราเยวัช เริ่มคุมทีมชาติไทยต่อจากเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2017 โดยได้รับสัญญาฉบับแรกเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยสัญญาจะหมดลงในเดือนพฤษภาคม 2018 นี้ ก่อนที่ล่าสุดภายในงานแถลงข่าวเปิดฤดูกาลโตโยต้า ไทยลีก 2018 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ สมาคมกีฬาฟุตบอลได้แถลงต่อสัญญาฉบับใหม่จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลา 2 ปี หลังทำผลงานได้เป็นที่พอใจตลอดปีที่ผ่านมา
พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “เราได้บรรลุข้อตกลงกับโค้ชทีมชาติไทยชุดใหญ่คือ มร.มิโลวาน ราเยวัช ทางสมาคมฯ ได้เซ็นสัญญาต่อกับราเยวัชไปอีก 2 ปี จนถึงช่วงหมดวาระการเป็นนายกสมาคมฯ ของผม รายละเอียดของสัญญานั้นคือ ราเยวัชจะต้องทำหน้าที่รับผิดชอบทีมชาติไทยชุดใหญ่ ในการสู้ศึกซูซูกิ คัพ และชิงแชมป์เอเชีย เราเซ็นสัญญากับเขา 2 ปี เพื่อให้เขารับผิดชอบงานสำคัญ และเราจะมีการประเมินผลเป็นระยะๆ”
ขณะที่ มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้เผยถึงเป้าหมายในการคุมทีมชาติไทยต่อจากนี้
“การแข่งขันรายการต่อไปคือคิงส์ คัพ คือตอนนี้เราโฟกัสที่รายการนี้ ซึ่งหลังจากนั้นเราจะพยายามเตรียมทีมให้พร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขันรายการสำคัญ อย่างเอเชียนคัพ 2019 ซึ่งทีมชาติไทยจะพยายามเตรียมทีมให้ดีที่สุด เพื่อสร้างผลงานให้ดีที่สุด
“จากที่ได้คุยกับสมาคมฯ เป้าหมายคิงส์ คัพ ปีนี้คือแชมป์ เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เราจะพยายามป้องกันแชมป์ให้ได้ แม้จะรู้ว่ามันเป็นงานที่ยาก เพราะว่าเป็นช่วงฟีฟ่าเดย์ และแน่นอนทุกทีมต่างพยายามส่งทีมที่ดีที่สุดมาร่วมแข่งขัน เราเองก็จะพยายามทำเต็มที่เพื่อรักษาแชมป์ให้ได้ และสร้างความภูมิใจให้กับชาวไทย ส่วนของเอเชียนคัพที่ตั้งเป้าไว้คือได้เข้ารอบน็อกเอาต์ นี่คือเป้าหมายที่เราตั้งร่วมกันกับสมาคมฯ”
โดยกุนซือวัย 64 ปี นำทีมชาติไทยลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือกโซนเอเชียรอบ 12 ทีม 2 นัดสุดท้าย ต่อด้วยคุมทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพครั้งที่ 45 เมื่อปีที่ผ่านมา โดยมีผลงานคุมทีมชาติไทยลงสนามทั้งหมด 8 นัด ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 3
สำหรับโปรแกรมต่อไปของทีมชาติไทย คือการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 46 ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมนี้ โดยได้เชิญ 3 ชาติจาก 3 ทวีปมาร่วมแข่งขัน อันประกอบไปด้วย กาบอง จากทวีปแอฟริกา, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากทวีปเอเชีย และสโลวาเกีย จากทวีปยุโรป ต่อจากนั้นจะมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ในช่วงเดือนธันวาคม และ ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย หรือเอเชียนคัพ 2019 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในช่วงเดือนมกราคม
