เป็นการเปิดตัวที่งดงามเหมือนฝันสำหรับ แอนโทนี กับประตูแรกที่ ‘Theatre of Dreams’ เป็นวันที่ บรูโน แฟร์นันด์ส กลับมาสร้างความมหัศจรรย์ในสนามได้อีคกรั้ง และยังเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับ มาร์คัส แรชฟอร์ด กับผลงาน 2 ประตู 1 แอสซิสต์ที่ตัดสินชัยชนะให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล้มจ่าฝูงอาร์เซนอลได้ 3-1 ในเกมบิ๊กแมตช์ ‘ซูเปอร์ซันเดย์’ เมื่อคืนที่ผ่านมา
แต่ทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีกองกลางที่ชื่อ คริสเตียน อีริกเซน นักเตะที่พวกเขาได้มาร่วมทีมแบบฟรีๆ ไม่มีค่าตัวในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
ย้อนกลับไปในเกมที่โอลด์แทรฟฟอร์ด อีริกเซนเหมือนจะเริ่มเกมได้ไม่ค่อยดีนักเมื่อเขาถูกเพรสซิงจาก มาร์ติน โอเดการ์ด กัปตันอาร์เซนอลจนเสียการครองบอลและนำไปสู่ประตูของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี ซึ่งถูกริบไปเพราะ VAR ชี้ว่ามีการทำฟาวล์เกิดขึ้นก่อน (ซึ่งมีการถกเถียงว่าถือเป็นการฟาวล์ที่มีน้ำหนักเพียงพอหรือไม่สำหรับพรีเมียร์ลีกที่พยายามโปรโมตตัวเองว่าเป็นลีกที่เล่นเร็ว หนัก และดุดันที่สุด)
แต่หลังจากนั้นหนึ่งในกองกลางที่ได้รับการยกย่องที่สุดของยุค ทั้งในเรื่องของชั้นเชิงและทัศนคติก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่แท้จริงของเขา
อีริกเซนเป็นคน ‘เริ่ม’ จังหวะที่นำไปสู่ประตูแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการเปิดบอลจากแดนตัวเองขึ้นมาถึง บรูโน แฟร์นันด์ส ที่อยู่ในแดนของอาร์เซนอล ลูกจ่ายระยะประมาณ 30 หลานี้เหมือนเป็นการเปิดบอลขึ้นหน้าธรรมดา แต่ไม่ใช่การเปิดบอลที่ง่าย เพราะเป็นการออกบอลครั้งเดียวที่ฉีกแดนกลางของกันเนอร์สหมดทั้งแผง และทำให้เพื่อนมีเวลามากขึ้น ‘ครึ่งจังหวะ’
บอลถูกลำเลียงจากแฟร์นันด์สไปสู่ จาดอน ซานโช ต่อถึง มาร์คัส แรชฟอร์ด และจบที่การเติมเข้ามาในกรอบเขตโทษและเอี้ยวตัวยิงเข้าเสาไกลอย่างนิ่มนวลของ แอนโทนี นักเตะค่าตัว 100 ล้านยูโรที่ดูมี ‘จริต’ ในการเล่นให้กับทีมแบบแมนฯ ยูไนเต็ด
แต่ไม่ใช่แค่เท่านั้น อีริกเซนยังมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับอีกทั้ง 2 ประตูที่ยูไนเต็ดได้มา โดยเฉพาะประตู 2-1 ซึ่งเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญของเกม เพราะเกิดขึ้นหลังจากที่อาร์เซนอลขึงเกมไล่ต้อนพวกเขาตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจนสามารถตีเสมอได้ และอยู่ระหว่างการพยายามไล่บี้เพื่อจะแซงนำ
ลูกนี้อีริกเซนได้บอลจาก ดีโอโก ดาโลต์ ที่ยืนอยู่กลางสนาม แต่การเล่นของเขาเริ่มตั้งแต่ก่อนจะได้รับบอลแล้วผ่านการ ‘สแกน’ พื้นที่รอบๆ ด้วยการชำเลืองมองเพื่อนร่วมทีม ทันทีที่บอลถึงเท้าและโอเดการ์ดกำลังประชิดตัวเข้ามา อีริกเซนป้ายบอลจังหวะเดียวต่อให้กับบรูโน ด้วยวิถีและน้ำหนักที่ทำให้เพื่อนสามารถเล่นต่อได้ทันทีโดยที่ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก หมดสิทธิ์จะเข้าถึงตัวของกองกลางชาวโปรตุเกส
แล้วบรูโนก็กลับมาร่ายมนต์อีกครั้งด้วยการเปิดด้วยข้างเท้าด้านนอกบอลทะลุช่องจังหวะเดียวให้แรชฟอร์ดจบสกอร์อาร์เซนอล – ทีมแรกที่เขายิงประตูได้ในเกมแรกที่สนามแห่งนี้ – เป็นประตูขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 ที่จุดเทียนความหวังให้ตัวเองและเหมือนดับเทียนของนักเตะกันเนอร์สไปพร้อมกัน
การกลับมาเล่นได้น่าประทับใจอีกครั้งของแฟร์นันด์ส ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเพราะมีอีริกเซนเป็นคนเชื่อมสัญญาณที่ขาดหายให้ เป็นช่วงระยะเวลานานมากทีเดียวที่เขาหงุดหงิดและผิดหวังเพราะไม่มีเพื่อนที่สามารถจะจ่ายบอลขึ้นมาให้เล่นต่อได้ง่ายแบบนี้
การเล่นของเขายังชวนให้คิดถึง พอล สโคลส์ มิดฟิลด์ในฉบับใกล้เคียงกันที่ใช้สมองในการเล่น การเปิดบอลไม่ว่าจะเป็นการจ่ายสั้น การจ่ายจังหวะเดียว หรือการวางบอลยาว (ที่มีเรื่องเล่ากันว่าสโคลส์สามารถเปิดบอลตกตรงไหนก็ได้ที่ต้องการ ถ้าอยากวัดก็เดิมพันกับเขาได้) มันจะถูกส่งถึงเพื่อนอย่างถูกต้องเสมอ และมันจะนำไปสู่โอกาสของทีม
แต่ความยอดเยี่ยมของอีริกเซนไม่ได้หมดแค่นี้ ในประตูย้ำชัย 3-1 เขาซึ่งเป็นคนกำกับเกมแดนกลางที่ตอนนี้มีทั้ง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, เฟร็ด และ คาเซมิโร ที่ลงมาช่วยกันปิดเกมของอาร์เซนอลที่พยายามจะหาทางกลับมา ก็มีส่วนสำคัญอีกตามเคย
คราวนี้บรูโนมาเป็นคนเซ็ตจังหวะบ้าง ในลูกที่นักเตะอาร์เซนอลสมาธิหลุดเพราะคิดว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้น บรูโนซึ่งกำลังจะได้บอลทางริมเส้นฝั่งขวามองเห็นอีริกเซน ที่เป็นคนแรกที่ออกตัววิ่งตั้งแต่บอลยังไม่ถึงเท้าของมิดฟิลด์โปรตุกีสด้วย
การวิ่งทะลุไลน์ของอีริกเซนสมบูรณ์แบบ และง่ายสำหรับกองกลางระดับแฟร์นันด์สที่จะเปิดบอลทะลุขึ้นมาให้จนฉีกแนวรับอาร์เซนอลขาดวิ่นอีกครั้ง และเขาก็ใจกว้างมากพอที่จะเลือกไหลให้แรชฟอร์ด ซึ่งวิ่งตีคู่ขึ้นมาและอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเป็นคนจบสกอร์แทน
แมนฯ ยูไนเต็ดชนะรวดเป็นเกมที่ 4 ติดต่อกัน โดยอีริกเซนนักเตะที่ย้ายมาแบบไม่มีค่าตัวเวลานี้กำลังกลายเป็นนักเตะที่ประเมินค่าไม่ได้
แดนกลางที่มีเขายืนเป็น Deep-Lying Playmaker ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดมีตัวทำเกมถึง 2 คนคู่กับ บรูโน แฟร์นันด์ส และการเชื่อมสัญญาณของสองนักเตะระดับนี้จะนำไปจินตนาการไม่รู้จบ ขณะที่กองกลางอย่างแม็คโทมิเนย์ ก็กลับมาเป็นผู้เป็นคนอีกครั้งเมื่อมีอีริกเซนประคองให้
เอริก เทน ฮาก อาจจะผิดหวังที่ไม่ได้ แฟรงกี เดอ ยอง เข้ามาในช่วงปิดฤดูกาล แต่การกล่อมอีริกเซนให้ย้ายมาโอลด์แทรฟฟอร์ด อย่างน้อยในช่วงระยะเวลาการเริ่มต้นใหม่ ในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า เขาอาจมองย้อนกลับมาและพบว่านี่แหละคือการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดของยุค
อย่างไรก็ดี นี่เป็นแค่ชัยชนะนัดที่ 4 ติดต่อกัน ยังมีสิ่งที่ทีมและอีริกเซนต้องพิสูจน์อีกมาก แต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้นอกจาก ‘ใจ’ ที่มาแล้ว ตอนนี้ ‘สติปัญญา’ ก็ได้กลับมาสู่แมนฯ ยูไนเต็ดอีกครั้งแล้วเช่นกัน
อ้างอิง: