เจาะศักยภาพ 9 ทำเลแห่งการอยู่อาศัยและการลงทุน [ADVERTORIAL]

ไม่ว่าคุณจะอ่านบทความนี้เพราะกำลังมองหาทำเลเพื่อการอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ หรือมองหาทำเลที่เหมาะแก่การลงทุน คงหนีไม่พ้น 2 ปัจจัยหลักในการพิจารณาความคุ้มค่าระยะยาว นั่นก็คือ Rental Yield ทำเลนั้นสามารถทำกำไรจากการปล่อยเช่าได้มากแค่ไหน และ Capital Gain ส่วนต่างของกำไรหากขายต่อจะปรับสูงขึ้นจากที่ลงทุนไปหรือไม่

ซึ่งเช็กลิสต์เลือก ‘ทำเลศักยภาพ’ หลักๆ ก็เช่น ต้องเป็นทำเลติดหรือใกล้แนวรถไฟฟ้า เพราะนอกจากจะได้เรื่องความสะดวกในการเดินทางแล้ว รถไฟฟ้ามักจะเป็นแม่เหล็กดึงดูดความเจริญอื่นๆ ตามมา

ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ระบุภาพรวมราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในแนวเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าผ่านในไตรมาส 2 ปี 2565 พบว่า เส้นทางรถไฟฟ้า 5 สายที่อยู่ระหว่างพัฒนาโครงการ และเป็นเส้นทางที่มีแผนก่อสร้างในอนาคต ได้แก่ สายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา), สายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี), สายสีม่วง (บางใหญ่-เตาปูน), สายสีเขียว (สมุทรปราการ-บางปู) และสายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4) มีอัตราการขยายตัวของที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) อยู่ที่ 8-10.2%

สิ่งต่อไปที่ต้องเช็กคือ ต้องเป็นทำเลที่ติดถนนใหญ่ ถนนหลัก และเส้นทางด่วนสำคัญ พฤติกรรมคนยุคใหม่ที่มองหาบ้านในทำเลพื้นที่ผังเมืองสีเหลืองหรือสีส้ม ที่กำหนดให้เป็นที่ดินสำหรับที่อยู่อาศัยหนาแน่น้อย-ปานกลาง โดยเลือกทำเลที่มีการเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองชั้นในได้ง่าย หรือไม่ก็ต้องเป็นทำเลที่ใกล้แหล่งงานและสาธารณูปการต่างๆ จะลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็เหมาะ หรืออาศัยเองก็สะดวกสบาย

แน่นอนว่าพื้นที่ในแต่ละทำเลมีจุดเด่นและศักยภาพต่างกัน บางทำเลเหมาะแก่การซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว บางทำเลครองใจอสังหารายใหญ่ เพราะมีครบทั้งสาธารณูปการและสาธารณูปโภค ทำให้ Capital Gain จากราคาที่ดินสูงขึ้น และนี่คือ 9 ทำเลเด็ด โดนใจผู้อยู่อาศัยและครองใจนักลงทุน

บรมราชชนนี-บางแค-บางบอน

ทำเลใหญ่ที่ครอบคลุมถนนบรมราชชนนี บางแค และบางบอน โดยเฉพาะถนนบรมฯ โซนตลิ่งชัน-ศาลายา มีแนวโน้มการเติบโตของที่ดินสูงที่สุด เนื่องจากมีรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) กำลังจะเกิดขึ้น นอกจากนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวก เชื่อมต่อตัวเมืองกรุงเทพฯ ชั้นใน เช่น เขตบางแคเดินทางเข้าสาทร-บางรักเพียง 10-15 นาที หรือจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน สถานีบางแคและหลักสอง วิ่งเข้าเมืองได้ ขณะที่ราคาที่ดินย่านเอกชัย-บางบอนก็ขยับตัวสูงขึ้นเนื่องจากเป็นย่านการค้าและอุตสาหกรรม โครงการหมู่บ้านจัดสรรระดับกลางเริ่มขยับเข้าใกล้พื้นที่มากขึ้น ด้านถนนบรมราชชนนี โครงการส่วนใหญ่อยู่ในระดับ Luxury-Super Luxury และมีขนาดที่ดินเริ่มต้น 100 ตารางวาขึ้นไป

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

THE CITY บรมราชชนนี-ทวีวัฒนา เริ่มต้น 12.9-15 ล้านบาท*

Centro ปิ่นเกล้า เริ่มต้น 9.5-15 ล้านบาท*

THE CITY สาทร-กัลปพฤกษ์ เริ่มต้น 13.99-20 ล้านบาท*

ราชพฤกษ์-ติวานนท์-สะพานมหาเจษฎาบดินทร์

ว่าที่ CBD แห่งใหม่ ด้วยศักยภาพการเติบโตของทำเลสูงจากระบบคมนาคมที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เชื่อมต่อทางด่วนศรีรัช-วงแหวน, ทางด่วนแจ้งวัฒนะ และทางด่วนศรีสมาน ติดถนนเส้นหลักอย่างถนนกาญจนาภิเษก, ถนนราชพฤกษ์, ถนนราชพฤกษ์ตัดใหม่, ถนนแจ้งวัฒนะ และถนนติวานนท์ พร้อมสู่การขยายพื้นที่เมือง เพราะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (คลองบางไผ่-เตาปูน) ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้ถึง 4 เส้นทาง ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี), รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน), รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) และรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย (เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ) ส่งผลให้ราคาที่ดินถีบตัวสูง เข้าเกณฑ์ที่ดินทำเลทอง ยิ่งไปกว่านั้นสะพานมหาเจษฎาบดินทร์ติดพื้นที่ไทรม้า ซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียว ก.1 เป็นการใช้ประโยชน์เพื่อชนบทและเกษตรกรรม ไม่สามารถขออนุญาตในการจัดสรรที่ดินเพื่ออยู่อาศัยได้อีก ทำให้ทำเลโดยรอบมีความเป็นส่วนตัวมาก เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยระยะยาว พร้อมสาธารณูปการต่างๆ เช่น เซ็นทรัล เวสต์เกต, อีเกีย บางใหญ่, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล, สถานที่ราชการ และเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ที่จะมาพลิกโฉมย่านราชพฤกษ์ให้เป็นย่านไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย โดยการออกแบบแนวคิดในการพัฒนาโครงการจะเป็นห้างแบบ Semi-Outdoor

โครงการที่น่าสนใจ

THE CITY ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า เริ่มต้น 9.9-12.9 ล้านบาท*

Centro สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ 2 เริ่มต้น 7.99-14 ล้านบาท*

THE CITY สะพานมหาเจษฎาบดินทร์ฯ เริ่มต้น 12.9-25 ล้านบาท*

345 ชัยพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ

เหตุผลที่ถนนสาย 345 ชัยพฤกษ์ เป็นทำเลทองครองใจดีเวลอปเปอร์อสังหาตลอดกาลส่วนหนึ่งมาจากยังมีที่ดินรอพัฒนาอยู่ เพราะถนนเพิ่งเปิดใช้ โดยเฉพาะถนนชัยพฤกษ์ช่วงที่ 2 มีเส้นทางต่อจากถนนชัยพฤกษ์ช่วงแรกบริเวณทางแยกต่างระดับสาลีโขฯ ไปทางทิศตะวันตก ก่อนจะไปบรรจบกับถนนบางกรวย-ไทรน้อยที่บริเวณทางแยกสามวัง เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างดีเวลอปเปอร์อสังหารายใหญ่ ทุ่มงบ 400 ล้านบาท ลงทุนสร้างถนนเส้นนี้ให้เป็นถนน 6 เลนพร้อมเกาะกลาง เพื่อใช้เป็นทางลัดเข้า-ออกเมือง ทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นทุกปี เฉลี่ยอยู่ที่ 10-15 ล้านบาทต่อไร่ ที่สำคัญถนนชัยพฤกษ์ที่เชื่อมต่อจากถนนแจ้งวัฒนะยังได้รับการยอมรับว่าเป็น CBD ของกรุงเทพฯ ตอนเหนือ

ภายในปี 2565 ทำเลนี้ยังมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) เชื่อมต่อเข้าสู่ย่านเมืองกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวก ทำให้เป็นที่สนใจสำหรับการลงทุนอสังหาแนวราบระดับบน ด้วยศักยภาพของทำเลมีการขยายตัวของแหล่งช้อปปิ้งระดับบิ๊กโปรเจกต์ เช่น โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ศูนย์การค้าครบวงจรสาขาที่ใหญ่ที่สุดในไทย, โลตัส นอร์ธ SMART Community Center ของไทย และปี 2567 เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ จะเปิดให้บริการ

โครงการที่น่าสนใจ

Centro ชัยพฤกษ์-345 เริ่มต้น 4.59-8 ล้านบาท*

Centro ราชพฤกษ์-345 เริ่มต้น 7.99-12 ล้านบาท*

วิภาวดี-พหลโยธิน-ดอนเมือง

ศูนย์กลางการเดินทางของกรุงเทพฯ มีถนนเส้นหลักวิภาวดีรังสิตและพหลโยธิน ตรงเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองไปจนถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ ตลอดทั้งเส้นยังเชื่อมกับถนนหลักที่เป็นย่านชุมชนและความเจริญ อีกทั้งเป็นเส้นทางไปยังตอนเหนือ มีทางด่วนพิเศษยกระดับ ‘ดอนเมืองโทลล์เวย์’ ไว้เป็นตัวเลือกการเดินทางในชั่วโมงเร่งด่วน พร้อมรถไฟฟ้า 2 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) ถือเป็น Rare Location สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ

ตลอดทั้งเส้นยังเป็นแหล่งจ้างงานขนาดใหญ่และนิคมอุตสาหกรรม พร้อมด้วยสถานศึกษาอีกมากมาย และไฮไลต์สำคัญคือสนามบินดอนเมือง ตอบโจทย์คนที่มองหาที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และประหยัดเวลา

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

Centro พหลฯ-วิภาวดี 2 เริ่มต้น 5.89-9 ล้านบาท*

Centro วิภาวดี เริ่มต้น 7.59-12 ล้านบาท*

Centro ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ เริ่มต้น 7.99-12 ล้านบาท*

รามอินทรา-จตุโชติ

ทำเลศักยภาพใหม่ที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งแหล่งช้อปปิ้งแบบ Luxury Lifestyle เช่น เซ็นทรัล รามอินทรา, แฟชั่นไอซ์แลนด์, เดอะ พรอมานาด, เซ็นทรัล อีสต์วิลล์, CDC และคอมมูนิตี้มอลล์อีกหลายแห่ง รวมถึงโรงพยาบาลชั้นนำ โรงเรียนนานาชาติ และมหาวิทยาลัย จึงเป็นทำเลที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย

อีกทั้งถนนสายหลักยังเชื่อมกับถนนสายรองและทางด่วนรามอินทรา-จตุโชติ, ทางด่วนฉลองรัช และทางพิเศษวงแหวนกาญจนาภิเษก จึงเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการเดินทางไปจังหวัดใกล้เคียงทั้งโซนตะวันออก ขึ้นเหนือหรือไปอีสาน ที่สำคัญทำเลนี้จะกลายเป็น Hub การเดินทางแห่งใหม่ทันทีเมื่อรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) เปิดให้บริการ เพราะจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว (คูคต-เคหะสมุทรปราการ) และในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาให้บริการจากวัชรพล-ทองหล่อ จะยิ่งทำให้ศักยภาพของทำเลเพิ่มสูงขึ้น กลายเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยคุณภาพ และพัฒนาเป็นแหล่งงานอีกทำเลของกรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

THE CITY รามอินทรา-วงแหวน เริ่มต้น 15.99-21 ล้านบาท*

Centro รามอินทรา-จตุโชติ 2 เริ่มต้น 7.89-12 ล้านบาท*

กรุงเทพกรีฑา-รามคำแหง-มอเตอร์เวย์

ปัจจัยหลักที่ทำให้ทำเลโซนกรุงเทพกรีฑา รามคำแหง และมอเตอร์เวย์ ถูกจับตามองว่าจะเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับเรสซิเดนเชียลของโครงการแนวราบในกรุงเทพฯ โซนตะวันออก เนื่องจากทำเลตั้งอยู่ในพื้นที่ ‘ผังเมืองสีเหลือง’ ความหนาแน่นของการอยู่อาศัยน้อยและเป็นเขตปลอดแหล่งอุตสาหกรรม การเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน CBD สะดวก ด้วยถนนสายหลักตัดใหม่อย่างถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ซึ่งเป็นถนนขนาด 6 เลน ใกล้ทางด่วน และยังเชื่อมต่อกับถนนพระรามเก้า-มอเตอร์เวย์, ถนนกรุงเทพกรีฑา, ถนนพัฒนาการ, ถนนรามคำแหง, ถนนหัวหมาก, ถนนมอเตอร์เวย์กรุงเทพฯ-ชลบุรี และถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนตะวันออก) อีกทั้งเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สาย แอร์พอร์ตลิงก์, สายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) และสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง

ทำเลนี้ยังเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการพัฒนาเมือง รายล้อมไปด้วยศูนย์การค้าชั้นนำ, โรงพยาบาล, สนามกอล์ฟ และโรงเรียนนานาชาติ ส่งผลให้ราคาที่ดินทำเลกรุงเทพกรีฑาพุ่งสูงขึ้นถึง 150%* ในเวลา 10 ปี โดยเฉพาะราคาที่ดินในช่วงต้นถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ขณะที่ราคาที่ดินติดถนนกรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ (ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า) ล่าสุดอยู่ที่ 140,000 บาทต่อตารางวา

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

Centro พระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา เริ่มต้น 8.99-15 ล้านบาท*

THE CITY พระราม 9 – รามคำแหง เริ่มต้น 10.99-18 ล้านบาท*

THE CITY เอกมัย-ลาดพร้าว เริ่มต้น 19-40 ล้านบาท*

บางนา-กิ่งแก้ว-สุวรรณภูมิ

ทำเลชัยที่เป็นประตูสู่ภาคตะวันออกนี้กำลังจะกลายเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมืองยุคใหม่ ด้วยปัจจัยโดดเด่นด้านการเดินทางที่สะดวก เชื่อมต่อเข้าเมืองได้ทั้งทางด่วนบูรพาวิถี, ทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางด่วนฉลองรัช มีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ สถานีลาดกระบัง ไปเชื่อมกับ MRT สายสีน้ำเงิน และ BTS สายสีเขียวได้ ส่วนถนนติดเส้นสำคัญ 3 เส้น ได้แก่ ถนนบางนา-ตราด, ถนนมอเตอร์เวย์ และถนนกาญจนาภิเษก ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเงินจากบางนา-สุวรรณภูมิ และรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน ได้แก่ ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ส่งผลให้ทำเลโดยรวมมีโปรเจกต์พัฒนาใหม่ทั้งจากภาครัฐและเอกชน คาดการณ์ว่าที่ดิน 4,300 ไร่ ใกล้สุวรรณภูมิและอยู่ใกล้ EEC ซึ่งเป็นเขตผังเมืองสีม่วงประเภทอุตสาหกรรมและคลังสินค้า จะถูกพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์

นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับการเป็นทำเลสำหรับอยู่อาศัย มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง เมกาบางนา, เซ็นทรัล วิลเลจ, มาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ลาดกระบัง, โรงเรียนนานาชาติ Charter International School, โรงเรียนนานาชาติ Pan-Asia International School (PAIS), สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง, สนามบินสุวรรณภูมิ, มหาวิทยาลัยหัวเฉียว และโรงพยาบาลชั้นนำหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลสิรินธร, โรงพยาบาลศิครินทร์ และโรงพยาบาลสมิติเวช

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

Centro อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ราคาพิเศษ 6.19 ล้านบาท*

Centro บางนา-กิ่งแก้ว เริ่มต้น 6.69-10 ล้านบาท*

Centro บางนา-ศรีนครินทร์ เริ่มต้น 7.69-12 ล้านบาท*

Centro บางนา เริ่มต้น 9.5-15 ล้านบาท*

พระราม 2 – พุทธบูชา – สุขสวัสดิ์

โซนทำเลทองของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้เมือง แต่การเดินทางเข้าเมืองสะดวกมาก เพราะมีทั้งเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อถนนหลายสายไม่ว่าจะเป็นถนนประชาอุทิศ, ถนนราษฎร์บูรณะ หรือถนนพุทธบูชา ภายในปี 2567 จะมีทางพิเศษพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนตะวันตก เปิดให้บริการ รวมถึงมอเตอร์เวย์บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ในขณะเดียวกันรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) จะเปิดให้บริการภายในปี 2570 ด้านสาธารณูปการล้อมรอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น เซ็นทรัล พระราม 2, โรงพยาบาลสุขสวัสดิ์, โรงพยาบาลนครธน, โรงเรียนบางปะกอกวิทยาคม รวมถึงการเปิดตัวอีเกีย พระราม 2 ซึ่งจะเป็นอีเกียในรูปแบบ Full Scale ที่รองรับกลุ่มลูกค้าโซนประชาอุทิศ, แสมดำ, เอกชัย-บางบอน ไปจนถึงพระประแดง

โครงการที่น่าสนใจ ได้แก่

Centro ประชาอุทิศ 90 เริ่มต้น 4.2 ล้านบาท*

THE CITY พระราม 2 – พุทธบูชา เริ่มต้น 12.5-17 ล้านบาท*

THE CITY สุขสวัสดิ์ 64 ราคาเริ่มต้น 12.9-22 ล้านบาท*

นอกจาก 8 ทำเลน่าลงทุนในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ทุกภาคก็มีหลายทำเลที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง โดย 3 ทำเลที่น่าจับตามองที่สุด ได้แก่

ขอนแก่น ปักหมุดทำเลทองบริเวณถนนมิตรภาพ-ศรีจันทร์ ตัดกลางเมืองขอนแก่น เพราะมีสถานที่สำคัญโดยรอบ เช่น สถานกงสุล, โรงแรม และกำลังจะมีเมกะโปรเจกต์ Medical Hub ศูนย์บริการทางการแพทย์บนพื้นที่กว่า 32 ไร่ รวมถึงโครงการสร้างรถไฟฟ้ารางเบาระยะทาง 26 กิโลเมตร อีกทั้งการขยายตัวของโรงงานอุตสาหกรรมในอำเภอรอบนอก ทำให้ที่ดินโดยรอบตอบโจทย์การอยู่อาศัย ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับสูงขึ้น และเป็นที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดในภาคอีสานอีกด้วย

ระยอง ทำเลที่น่าจับตายกให้พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เห็นได้ชัดจากการเพิ่มขึ้นของสาธารณูปการอย่าง เซ็นทรัล ระยอง, โรบินสัน บ้านฉาง หรือ Passion Shopping Destination เพราะจุดเด่นของทำเลนี้คือการเดินทางที่ครอบคลุมและง่ายต่อการทำธุรกิจ เชื่อมมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง กรุงเทพฯ-ชลบุรี, พัทยา-มาบตาพุด และแหลมฉบัง-นครราชสีมา สามารถขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาเพียง 1 ชั่วโมง รวมถึงโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกเ พื่อรองรับการเป็น Hub ด้านการขนส่งทางอากาศของเอเชีย

นครศรีธรรมราช อีกหนึ่งเมืองศักยภาพ เพราะมีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 7 ของประเทศ จึงมีแนวโน้มที่นักลงทุนจะให้ความสนใจหากต้องการขยายพื้นที่เมือง หากดูราคาที่ดินในเขตอำเภอเมืองช่วงถนนเนรมิต ราคาที่ดินสูงสุดอยู่ที่ 200,000 บาทต่อตารางวา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระทรวงอุตสาหกรรมประกาศเพิ่มงบประมาณปี 2565 เป็น 3,000 ล้านบาทให้กับผู้ประกอบการกลุ่มธุรกิจ BCG และอีก 10 กลุ่มธุรกิจศักยภาพ คาดการณ์ว่าพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นแหล่งงานของกลุ่มอุตสาหกรรม ส่งผลให้ราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นตามแหล่งงาน

ซึ่ง 3 ทำเลทองนี้ก็มีโครงการ ‘อภิทาวน์’ แบรนด์น้องใหม่ของเอพีตั้งอยู่ แต่ละทำเลจะออกแบบให้ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ด้วยรูปแบบบ้านที่มีเอกลักษณ์ ดีไซน์ทันสมัย ภายใต้แนวคิด Hybrid Living เชื่อมต่อกันระหว่างสเปซดีไซน์และนวัตกรรมการใช้ชีวิต อย่างเช่น อภิทาวน์ ขอนแก่น บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ 190 ตารางเมตร ทำเลเมือง 3 นาที* ถึงสนามบินขอนแก่น เริ่มต้น 4.79-6 ล้านบาท*, อภิทาวน์ ระยอง บ้านเดี่ยวฟังก์ชันครบ ใกล้แหล่งงานนิคมฯ มาบตาพุด เริ่มต้น 2.99-6 ล้านบาท* และ อภิทาวน์ นครศรีธรรมราช บ้านเดี่ยวขนาด 225 ตารางเมตร ติดถนนใหญ่ ใกล้เมือง ใกล้สนามบิน เริ่มต้น 3.99-6 ล้านบาท*

อยากจับจอง 1 ใน 9 ทำเลทอง ห้ามพลาด! ‘9 ดีลลับฉบับเพื่อนบ้านเอพี’

พอจะมองเห็นภาพอนาคตของ 9 ทำเลทองแล้วใช่หรือไม่ และถ้าใครอยากจะจับจองเป็นเจ้าของโครงการดีๆ ในทำเลดังกล่าว ตอนนี้เอพีกำลังมีแคมเปญบ้านเดี่ยว ‘9 ดีลลับฉบับเพื่อนบ้านเอพี’ ชวนคุณมาอยู่ด้วยกัน พร้อมโปรพิเศษ ลุ้นรับทริปท่องเที่ยวรอบโลกกว่า 100 ที่นั่ง* มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท* พร้อมส่วนลดและสิทธิพิเศษที่มากกว่า* ให้ลูกค้าเลือกรับ 9 LIFESTYLE PACKAGES มูลค่าสูงสุดแพ็กเกจละ 200,000 บาท* ที่ดีไซน์มาจาก 9 ศิลปินและเซเลบริตี้ซึ่งเป็นลูกบ้านเอพีตัวจริง เมื่อจองและโอน* ภายในวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนนี้

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

สนใจชมโครงการบ้านเดี่ยวเอพีทั้ง 9 ทำเล คลิก https://bit.ly/3ymItZ9

อ้างอิง: