Starbucks และร้านกาแฟแบรนด์ดังในแคลิฟอร์เนีย เตรียมติดป้ายเตือนผู้บริโภคเกี่ยวกับสารก่อมะเร็ง

ร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่าง Starbucks, Gloria Jean’s, 7-Eleven รวมถึงแบรนด์ย่อยต่างๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เตรียมติดป้ายเตือนผู้บริโภคเกี่ยวกับสารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นจากกรรมวิธีในการผลิตกาแฟ หลังยื่นเรื่องเจรจาต่อรองกันอยู่นานหลายปี

สภาการศึกษาและวิจัยสารพิษ (CERT) เคยสำรวจสารพิษที่ปนเปื้อนมากับอาหาร หนึ่งในนั้นคือกาแฟ ซึ่งตรวจพบสารพิษชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า อะคริลาไมด์ (Acrylamide) ซึ่งถ้าหากร่างกายได้รับสารพิษชนิดนี้ในปริมาณที่มาก อาจส่งผลให้ระบบประสาทส่วนกลางเป็นอัมพาตได้ อีกทั้งยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย โดยอะคริลาไมด์เป็นหนึ่งในสารพิษที่ถูกเสนอไว้ใน ‘Proposition 65’ ภายใต้กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นลิสต์ที่รวบรวมสารพิษที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ทางการจึงเสนอให้ร้านกาแฟต่างๆ คำนึงถึงสิทธิผู้บริโภคด้วย

อะคริลาไมด์ เป็นสารประกอบที่เกิดขึ้นจากการที่น้ำตาลและกรดอะมิโนผ่านกรรมวิธีที่ใช้ความร้อนมากกว่า 150 องศา ซึ่งไม่ได้พบเฉพาะเมล็ดกาแฟคั่วบดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงอาหารประเภททอดต่างๆ เช่น เฟรนช์ฟรายส์ มันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ รวมถึงอาหารที่ผ่านการอบต่างๆ ที่ใช้ความร้อนสูง ก็อาจสามารถพบสารพิษตัวนี้ได้

ทางด้าน บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) นายกสมาคมกาแฟแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่า “จริงๆ แล้วกาแฟเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กฎระเบียบข้อบังคับนี้อาจสร้างความสับสนและเข้าใจผิดให้แก่แฟนๆ คอกาแฟทั้งหลาย” และบรรดาร้านกาแฟต่างออกมายืนยันว่า ระดับปริมาณอะคริลาไมด์ที่พบในกาแฟปัจจุบันไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค

โดยงานวิจัยล่าสุดพบว่า กาแฟอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดโอกาสเป็นโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2 และโรคหัวใจได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามสถาบันวิจัยโรคมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งภายใต้องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า การดื่มเครื่องดื่มที่ร้อนมากๆ จนเกินไป อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารตามมา

อ้างอิง: