วานนี้ (16 สิงหาคม) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐอเมริกา ลงนามรับรองกฎหมาย Inflation Reduction Act แล้ว ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่มุ่งต่อสู้กับวิกฤตโลกรวนที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
ในพิธีลงนาม ณ ทำเนียบขาว ไบเดนกล่าวว่า “ด้วยกฎหมายฉบับนี้ ชาวอเมริกันเป็นผู้ชนะ” พร้อมระบุด้วยว่ากฎหมายฉบับนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะต่อสู้กับวิกฤตสภาพอากาศ ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน และช่วยลดการขาดดุลงบประมาณ
ทั้งนี้ กฎหมาย Inflation Reduction Act ถือเป็นการลงทุนด้านพลังงานสะอาดครั้งใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกรวน โดยเน้นที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และปูทางให้ผู้บริโภคหันมาใช้พลังงานสะอาด พร้อมลดต้นทุนด้านยารักษาโรคให้กับผู้บริโภคในประเทศ และจะมีการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลบางประเภทด้วย ซึ่งพรรคเดโมแครตเชื่อว่าในระยะยาวจะสามารถช่วยลดอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งทะยานขึ้นได้
นอกจากนี้ ไบเดนยังได้ใช้โอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์พรรครีพับลิกัน โดยกล่าวว่า “ในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์นี้ พรรคเดโมแครตยืนข้างชาวอเมริกัน ส่วนสมาชิกพรรครีพับลิกันทุกคนก็อยู่ข้างผลประโยชน์พิเศษ พรรครีพับลิกันทุกคนในสภาคองเกรสโหวตคัดค้านร่างกฎหมายนี้” โดยในการอภิปรายครั้งสุดท้าย พรรครีพับลิกันได้โจมตีกฎหมายฉบับนี้ว่า เป็นการใช้จ่ายงบประมาณด้วยความประมาท และล้มเหลวในการตอบสนองความจำเป็นด้านการเงินของชาวอเมริกัน
มิตช์ แมคคอนเนลล์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน เผยว่า กฎหมายใหม่จะมีผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้ามกับที่พรรคเดโมแครตหวังไว้
“พรรคเดโมแครตปล้นชาวอเมริกันเมื่อปีที่แล้ว โดยพาให้เศรษฐกิจของเราไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ และปีนี้เป็นครั้งที่ 2 กฎหมายที่ประธานาธิบดีไบเดนลงนามในวันนี้หมายถึงภาษีที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูงขึ้น และการตรวจสอบภาษีที่เข้มข้นขึ้น”
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าชัยชนะครั้งนี้จะส่งผลดีต่อพรรคเดโมแครต ซึ่งหวังที่จะคว้าชัยในการเลือกตั้งกลางเทอมช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้
ภาพ: Kent Nishimura / Los Angeles Times via Getty Images
อ้างอิง: