วานนี้ (16 สิงหาคม) ที่ห้องประชุม อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 (ดินแดง) ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ครั้งที่ 1/2565 โดยมีคณะกรรมการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม
ศานนท์กล่าวว่า ตามที่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ลงนามในคำสั่งกรุงเทพมหานคร แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรม
ขณะนี้ กทม. อยู่ระหว่างการพัฒนาลานกีฬาของแต่ละเขต โดยทำให้เป็นต้นแบบ 5-10 ชุมชน ใช้งบประมาณไม่เกิน 5 แสนบาท เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่จัดกิจกรรมตามนโยบาย 12 เทศกาลตลอดปีทั่วกรุงเทพฯ ของผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งในเดือนที่ 10 (ตุลาคม) จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับกีฬา ตอนนี้มีเสนอมาแล้ว 40 เขต และได้มอบหมายให้สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว (สวท.) สำรวจอาคารรกร้างในสวนสาธารณะที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งพบว่ามี 7 แห่ง โดยให้กำหนดและเสนอแผนการใช้ประโยชน์อาคารให้ทราบต่อไป
ในที่ประชุมได้พิจารณาการแบ่งกลุ่มเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม คือ
กลุ่ม 1. แผนพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์และการวัดผลทางเศรษฐกิจ
กลุ่ม 2. เศรษฐกิจชุมชน (MIB/BKK Brand)
กลุ่ม 3. อัตลักษณ์/ย่านสร้างสรรค์
กลุ่ม 4. 12 เทศกาล (Event-based)
กลุ่ม 5. พื้นที่สร้างสรรค์ (EVENT)
สวท. ได้ รายงานแผนการจัดกิจกรรมย่านสร้างสรรค์นำร่อง 11 ย่าน ในปี 2565 ประกอบด้วย
- ถนนแปลงนาม เขตสัมพันธวงศ์
- ย่านตลาดพลู เขตธนบุรี
- ตลาดริมคลองเจริญกรุง 103 (ชุมชนสวนหลวง 1) เขตบางคอแหลม
- ย่านตลาดน้ำตลิ่งชัน-ตลาดน้ำสองคลองวัดตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน
- ย่านตลาดเก่าหัวตะเข้ เขตลาดกระบัง
- ย่านสะพานหัน-คลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร/เขตสัมพันธวงศ์
- ชุมชนริมคลองบางมด เขตทุ่งครุ
- ย่านบางรัก (ชุมชนมัสยิดฮารูณ) เขตบางรัก
- ย่านตลาดน้อย (คลองผดุงกรุงเกษม) เขตสัมพันธวงศ์
- ย่านนางเลิ้ง (คลองผดุงกรุงเกษม) เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย
- ย่านคลองสาน (ตรอกดิลกจันทร์) เขตคลองสาน
ที่ประชุมได้เสนอให้จัดทำข้อมูลเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เป็นภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ รวมถึงประสานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเพื่อสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ด้วย ในส่วนของอาคารร้าง 7 แห่ง อาจพิจารณานำมาใช้เป็นโรงละครสำหรับสายอาร์ต ซึ่งต้องศึกษาความเป็นไปได้และหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายอีกครั้ง