×

แบงก์พาณิชย์ยังชะลอขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้ ช่วยประคองลูกหนี้รายย่อย-SMEs กลุ่มเปราะบาง

15.08.2022
  • LOADING...
ดอกเบี้ยเงินกู้

ธนาคารพาณิชย์ยังคงชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้แม้ว่า กนง. ขยับขึ้น ดอกเบี้ยเงินกู้ ไปแล้ว 0.25% โดยล่าสุดมีธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ทีทีบี, ไทยพาณิชย์ และกรุงศรีอยุธยา ที่ออกมาระบุชัดเจนว่าจะยังคงตรึงดอกเบี้ยเพื่อช่วยประคองลูกหนี้รายย่อยและ SMEs กลุ่มเปราะบาง

 

ปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวแบบไม่ทั่วถึง ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อลูกค้าและประชาชนทั่วไป ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อชะลอผลกระทบต่อลูกค้าสินเชื่อทั้งในส่วนของกลุ่มลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการรายย่อยโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาอยู่ในสภาวะปกติให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด สอดรับกับนโยบายของสมาคมธนาคารไทย 

 

โดยทีเอ็มบีธนชาตจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ไว้ที่ระดับเดิมและยังคงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าสินเชื่อทุกกลุ่มภายใต้โครงการ ‘ตั้งหลัก’ ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านการเงินจากสถานการณ์โควิดไปกว่า 750,000 ราย ขณะเดียวกัน ธนาคารยังมีโปรแกรมรวบหนี้ หรือ Debt Consolidation ผ่านสินทรัพย์บ้านหรือรถ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ดีในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยและยอดผ่อนรายเดือน เสริมสภาพคล่องให้กับลูกค้าได้ 

 

นอกจากนี้ ธนาคารเองยังให้การสนับสนุนและส่งเสริมการออมเพื่อสอดรับกับนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้น โดยธนาคารมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยบัญชีเงินฝากพิเศษ ttb Up & Up บัญชีที่ให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 6 เดือน และได้รับดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเงินฝากที่มุ่งเน้นการออมในบัญชีดอกเบี้ยสูง เพิ่มสภาพคล่อง ถอนได้ก่อนกำหนดไม่ถูกลดดอกเบี้ย โดยได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดจาก 1.6% เป็น 1.8% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา และธนาคารมีแผนจะปรับยอดเงินฝากขั้นต่ำจาก 100,000 บาท เป็น 5,000 บาท เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วไปมีทางเลือกในการออมเงินบัญชีดอกสูงนี้ได้ โดยจะเริ่มวันที่ 1 กันยายนนี้

 

“ทีเอ็มบีธนชาตมีความเข้าใจและมีความห่วงใยถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อลูกค้ากับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าสินเชื่อ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่านอกจากการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แล้ว มาตรการช่วยเหลือและโปรแกรมรวบหนี้ที่ทางธนาคารมีให้จะช่วยให้ลูกค้ามีสภาพคล่องในการใช้ชีวิตในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน ในขณะที่การปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากผ่านบัญชีดอกเบี้ยสูงจะเป็นการส่งเสริมให้คนไทยมีวินัยในการออมมากยิ่งขึ้น” ปิติกล่าว

 

ด้าน กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารตระหนักถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและมีความห่วงใยต่อลูกค้าจากดอกเบี้ยขาขึ้นท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจไทยที่กำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ดังนั้น ธนาคารจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในทันที แต่จะขอติดตามสัญญาณทางเศรษฐกิจและพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านก่อนตัดสินใจอีกครั้งแบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมทั้งยืนยันที่จะดูแลลูกค้าของธนาคารภายใต้สถานการณ์ที่มีความผันผวนและเปราะบาง เพื่อให้ลูกค้ารายย่อยมีความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ได้อย่างเหมาะสม และลูกค้าธุรกิจก็ยังให้มีสภาพคล่องที่ต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจ

 

โดยธนาคารได้มีแนวทางให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านมาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน สำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้า SMEs ที่มียอดขายน้อยกว่า 75 ล้านบาทต่อปีอยู่แล้ว ดังนี้

 

  1. การลดอัตราผ่อนและขยายระยะเวลาผ่อนผ่านกระบวนการแก้หนี้อย่างยั่งยืน

 

  1. การลดอัตราชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตเหลือ 5% และบัตรกดเงินสด (Speedy Cash) เหลือ 3% ซึ่งธนาคารจะมีการปรับอัตราชำระขั้นต่ำให้โดยอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
  2. การขยายวงเงินอนุมัติสูงสุดสำหรับสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับสำหรับลูกค้าที่มีรายได้น้อยกว่า 30,000 บาท จาก 1.5 เท่า เป็น 2 เท่า

 

นอกจากนี้ ธนาคารมีการพิจารณารวมยอดหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยที่ไม่มีหลักประกัน (Debt Consolidation) เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระของลูกค้า

 

ขณะที่ เซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ที่ผ่านมากรุงศรีได้เร่งให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่างๆ ของธนาคารเองและตามนโยบายของภาครัฐ และด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ประกอบกับยังคงมีปัจจัยความท้าทายรอบด้าน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบกับค่าครองชีพและต้นทุนของภาคธุรกิจ 

 

โดยกรุงศรีขอเน้นย้ำว่า ธนาคารยังคงให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งนี้ทางธนาคารได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจัดหาทางเลือกและส่งมอบมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ตรงจุด ให้ลูกค้าสามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่งในระยะยาว 

 

“สำหรับในกลุ่มลูกค้ารายย่อย ธนาคารยังคงมีมาตรการให้ความช่วยเหลือที่หลากหลาย ทั้งการลดอัตราค่างวดผ่อนชำระ การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระ เป็นต้น และสำหรับกลุ่มลูกค้าธุรกิจ ธนาคารเน้นย้ำมาตรการเชิงรุกในการส่งทีมผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์เข้าไปดูแลและให้ความช่วยเหลือลูกค้าในแต่ละรายอย่างใกล้ชิดผ่านมาตรการต่างๆ เช่น การเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน การลดอัตราดอกเบี้ย การขยายระยะเวลาการชำระสินเชื่อ พร้อมทั้งให้คำแนะนำในเรื่องต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าสามารถประคับประคองและเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้” อาคิตะระบุ

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X