วานนี้ (2 สิงหาคม) ที่ห้องประชุมอาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมด้วย ทวิดา กมลเวชช และ ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมหารือโครงการกรุงเทพอาหารริมทางอร่อยปลอดภัย (Bangkok Safety Street Food) เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานยกระดับ Bangkok Street Food กับผู้แทนสถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม
ชัชชาติกล่าวภายหลังการประชุมว่า สถาบันอาหารเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารปลอดภัยกับการพัฒนาคุณภาพอาหาร สอดคล้องกับนโยบายในการพัฒนาคุณภาพอาหารสตรีทฟู้ดในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีร้านอาหารมากกว่า 20,000 ร้าน
ทางสถาบันอาหารมีความพร้อมทางด้านต่างๆ ทั้งสถานที่สำหรับการฝึกอบรม มีความรู้ มีห้องแล็บ วันนี้ได้หารือเบื้องต้นจะเน้นความร่วมมือในเรื่องสตรีทฟู้ดก่อน ซึ่ง กทม. จัดกลุ่มสตรีทฟู้ดเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- ตลาดในชุมชนคือตลาดในชุมชนที่อยู่มานานหลายสิบปี
- ตลาดในเมืองสำหรับคนทำงานออฟฟิศ
- ตลาดนักท่องเที่ยว
ชัชชาติกล่าวว่า ช่วงแรกจะเน้นตลาดในเมืองและตลาดนักท่องเที่ยว อาจเป็นถนนสุขุมวิทหรือสีลม โดยสถาบันอาหารเป็นตัวช่วยปูพรมว่าทุกร้านมีมาตรฐานตามที่กำหนด คิดว่าจะเริ่มโครงการนำร่องได้เลย มีการตั้งคณะทำงานร่วมกัน ได้มอบทวิดาดูเรื่องสาธารณสุขอนามัย ศานนท์ดูเรื่องชุมชน โดยเลือกพื้นที่นำร่อง 2-3 จุด เพื่อเป็นบทเรียน Sandbox ก่อนที่จะขยายไปจุดอื่นต่อไป
ชัชชาติกล่าวต่อว่า ในการพัฒนาสตรีทฟู้ดเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติด้วย แต่หัวใจหลักคือตลาดชุมชนกับตลาดคนทำงานออฟฟิศ ถือเป็นตลาดหลักต้องเริ่มทำ เมื่อเลิก Work from Home กลับมาทำงานปกติ ความต้องการอาหารสตรีทฟู้ดมากขึ้น โดยเฉพาะค่าครองชีพสูงขึ้น คนก็จะหาอาหารที่ถูกลง
ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยวเป็นประเด็นสำคัญไม่ใช่แค่อาหาร แต่ต้องดูเรื่องหาบเร่ขายของที่ระลึกด้วย เริ่มเห็นกลับมาขายได้ สั่งการให้มีการดูแลเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย จุดสำคัญคือแต่ละพื้นที่ต้องมีกรรมการเข้ามาดูแลกันเอง ไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันได้ทั้งหมด แต่มาตรฐานความสะอาดสามารถใช้อันเดียวกันได้
“ส่วนการดูแลภาพลักษณ์ การบริหารจัดการ แต่ละชุมชนต้องช่วยดูแลเพราะสามารถทำให้เป็นระเบียบได้ หากพื้นที่ไหนทำไม่ได้อาจจะต้องยกเลิกทั้งพื้นที่ ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขณะเดียวกันถ้าเอกชนที่เข้มแข็งในพื้นที่เข้ามาช่วยได้ก็ดี ไม่ยากที่จะหาแนวร่วมมาช่วยดูแล ลักษณะรูปแบบจะเป็นอัตลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ไป หาบเร่แผงลอยไม่ใช่เรื่องง่าย มีหลายมิติ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน” ชัชชาติกล่าว
ด้านทวิดากล่าวว่า เรื่องสาธารณสุขและความปลอดภัย จะพยายามให้ได้มาตรฐานในการประกอบอาหาร และ กทม. อยากได้รับความช่วยเหลือและร่วมมือทั้งด้านวิชาการและด้านเทคนิค ที่จะทำตัวอย่างให้ประชาชนที่ประกอบอาหารในชุมชนหรือผู้ประกอบการรายย่อยสามารถสร้างความปลอดภัยของอาหารได้จากชุมชนเอง สามารถชูจุดเด่นที่เป็นอาหารของชุมชน ทำจากประชาชนโดยตรง เป็นอีกมุมที่สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ทำให้กรุงเทพมหานครกลับมาเป็นพื้นที่ที่มีจุดเด่นด้านนี้ในการต้อนรับคนที่จะเข้ามาในกรุงเทพฯ ด้วย
ส่วนศานนท์กล่าวว่า ขณะนี้ กทม. มีโครงการถนนคนเดินที่สำนักงานเขตจัดอยู่ เรื่องมิติอาหารปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ผ่านมาเคยไปที่สถาบันอาหาร เป็นสถานที่ที่ดีและมีพิพิธภัณฑ์ด้วย จึงอยากช่วยกันเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์อาหารด้วย ก็จะมีโครงการต่อเนื่องไปว่าทำอย่างไรให้เด็กได้เรียนรู้ อาจพัฒนาทักษะด้านอาหารให้เด็กและเป็นพ่อครัวในอนาคตได้