วันนี้ (11 กรกฎาคม) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (ดินแดง) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) เป็นประธานในการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 12/2565
ชัชชาติกล่าวถึงสถานการณ์โควิดภายหลังประชุมว่า ขณะนี้พบตัวเลขผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากการตรวจด้วย ATK และคาดว่ามีผู้ป่วยที่รักษาตัวเองอยู่ที่บ้านด้วย แต่จากการประเมินสถานการณ์แล้วยังไม่น่าเป็นห่วง อยู่ในขั้นที่รับมือได้ ในเบื้องต้นเตียงสำหรับผู้ป่วยสีแดงยังสามารถรองรับผู้ป่วยได้ และได้สั่งเพิ่มเตียงสำหรับผู้ป่วยสีเขียว 500 เตียง และเตียงในศูนย์พักคอยอีก 300 เตียง รวมทั้งสั่งให้เจ้าหน้าที่สำรวจคลังเครื่องออกซิเจน ยาฟาวิพิราเวียร์ และยาโมลนูพิราเวียร์ไว้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ขอเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะกลุ่ม 608 ชัชชาติกล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนไปรับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 และเข็ม 4 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ที่ได้เปิดให้ประชาชน Walk-in มาฉีดวัคซีนได้ทุกวัน หรือศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 50 เขตใน กทม.
ทั้งนี้ กทม. มีรายงานตัวเลขการฉีดวัคซีนเข็ม 3 ของประชาชนพบว่า ตอนนี้อยู่ที่ 5,728,273 โดส หรือคิดเป็น 68.10% ส่วนเข็ม 4 อยู่ที่ 1,850,993 โดส หรือคิดเป็น 22.01% ขณะที่การติดเชื้อในกลุ่มโรงเรียนสังกัด กทม. ไม่น่าเป็นห่วง จากตัวเลขพบการติดเชื้อเพียง 0.84% หรือ 2,133 คน เพราะส่วนใหญ่จะพบการติดเชื้อในเด็กโตมากกว่าเด็กเล็ก เพราะเด็กโตจะมีกิจกรรมหลังเลิกเรียน เช่น เล่นกีฬา
ชัชชาติกล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อมูลศูนย์พักคอย (Community Isolation: CI) ในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่า จำนวนศูนย์พักคอยเดิมเต็มศักยภาพมี 46 แห่ง 5,505 เตียง มีการขอปิดศูนย์พักคอยในช่วงสถานการณ์ดีขึ้นคือพื้นที่โรงเรียน เจ้าของขอคืนพื้นที่ 39 แห่ง ส่วนศูนย์พักคอยที่ยังคงเปิดให้บริการมี 1 แห่ง คือศูนย์พักคอยเขตคันนายาว จำนวน 127 เตียง
สำหรับศูนย์พักคอยที่เตรียมพร้อม สามารถเปิดให้บริการได้ใน 3-7 วัน แต่ต้องมีการปรับปรุงพื้นที่และอุปกรณ์ 4 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตบางกอกใหญ่ จำนวน 50 เตียง, ศูนย์พักคอยวัดกำแพง เขตภาษีเจริญ จำนวน 100 เตียง, ศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตทุ่งครุ จำนวน 51 เตียง และศูนย์พักคอยมีนบุรี 1 เขตมีนบุรี จำนวน 115 เตียง รวมจำนวนเตียงที่สามารถเปิดเพิ่มได้ 316 เตียง