วานนี้ (8 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความชัดเจนในการปลูกและใช้กัญชา ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งครบกำหนดให้บังคับใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลดกัญชาพ้นจากความเป็นยาเสพติด (ยส.5) โดยระบุว่า ประชาชนสามารถจดแจ้งกับหน่วยที่กำหนดเพื่อปลูกในครัวเรือนได้ ตอนนี้จะปลูกกี่ต้นก็ได้ แต่ถ้าปลูกในเชิงพาณิชย์ ปลูกเป็นอุตสาหกรรม ต้องขออนุญาตกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และการปลูกในครัวเรือนต้องปลูกให้สอดคล้องกับพื้นที่บ้าน
อนุทินกล่าวต่อไปว่า ล่าสุดทางสภาผู้แทนราษฎรผ่านพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา-กัญชง วาระแรกแล้ว ซึ่งต้องขอบคุณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ผลักดันจนตนได้เริ่มอภิปรายและผ่านกฎหมายวาระแรก ด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้น และในความเป็นจริง ตนต้องการคลายล็อกเพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์การแพทย์มาระยะหนึ่งแล้ว โดยสิ่งที่ประชาชนจะได้รับเพิ่มขึ้นในวันที่ 9 มิถุนายน คือการใช้ประโยชน์จากช่อดอก เพียงแต่ต้องควบคุมสารสกัดที่มีค่า THC ไม่ให้สูงเกินกว่า 0.2% เพราะตนไม่เคยต้องการให้ประชาชนใช้เพื่อความบันเทิง สิ่งนั้นไม่ได้อยู่ในวิถีที่ตนต้องการให้เป็นเลย
“การใช้ที่ถูกต้อง ถ้าปลูกในบ้าน คุณเด็ดใบไปต้ม ไปใส่ก๋วยเตี๋ยว ชุบแป้งทอด สามารถทำได้เลย เอาดอกมาสกัดได้ แต่อย่าให้ค่า THC สูงเกิน 0.2% แล้วเอาสารสกัดนั้นไปปรุงรสได้ เปิดร้านก๋วยเตี๋ยวได้ แต่ห้ามเอาสารสกัดเพียวๆ มาทำบรรจุภัณฑ์แล้ววางขาย ถ้าจะทำแบบนั้นต้องขอ อย. เท่านั้น ส่วนการมวนสูบในบ้านก็ทำได้ แต่ถ้าไปสูบข้างนอกจะผิดกฎหมายในกรณีที่ไปรบกวนผู้อื่น เพราะมีกฎหมายควบคุมอยู่ ทั้งเรื่องกลิ่นและการสร้างความรำคาญ
“การควบคุมระหว่างรอ พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง ตอนนี้ให้ใช้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขไปก่อน และที่ผ่านมาได้พยายามอธิบายแนวทางการใช้ประโยชน์ แนวทางการใช้ให้ถูกต้องมาตลอด 3 ปี ซึ่งคิดว่าการควบคุมก็ไม่ต่างจากการควบคุมเหล้า บุหรี่ เพราะต้องมีกลไกของสถาบันครอบครัวคอยดูแล เรื่องการควบคุมเยาวชนไม่ให้ดื่มเหล้า ไม่ให้สูบบุหรี่ได้ ในส่วนของกัญชาก็ใช้หลักการเดียวกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลเราเห็นว่ากัญชาคือโอกาสของผู้ป่วย และโอกาสของประชาชนในการแก้ปัญหาปากท้อง แต่ขอให้เราใช้อย่างถูกวิธี ซึ่งเรามีกฎหมายควบคุมอยู่” อนุทินกล่าวในที่สุด