หากใครเคยสารภาพอะไรสักอย่าง คงจะเข้าใจว่าการที่ต้อง ‘ยอมรับ’ ต่อหน้าคนอื่นนั้นจำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญมากมายแค่ไหน
และหากการสารภาพไม่ว่าจะเป็นความผิดหรือความรักต่อใครสักคนว่ายากแล้ว การสารภาพในสิ่งที่ไม่ได้เป็นความผิดแต่เป็นสิ่งที่สังคมยังไม่เปิดใจยอมรับอย่างการเป็นเกย์ในวงการที่ ‘ชายเป็นใหญ่’ อย่างวงการฟุตบอลนั้นเป็นสิ่งที่ยากมากกว่าหลายเท่านัก
แต่ จอช คาวาลโญ ตัดสินใจที่จะเปิดเผยความลับที่เก็บซ่อนไว้ในส่วนลึกที่สุดของชีวิตออกมา
นักฟุตบอลวัย 22 ปีตัดสินใจโพสต์วิดีโอเพื่อประกาศต่อทุกคนว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นใครเมื่อปีกลาย และการตัดสินใจนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต
“ผมเป็นนักฟุตบอล และผมก็เป็นเกย์ด้วย” คาวาลโญ นักเตะของทีมแอดิเลด ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลในระดับลีกสูงสุดของประเทศออสเตรเลีย ประกาศต่อทุกคนเมื่อปีที่แล้ว และทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลในระดับลีกสูงสุดคนเดียวของโลกที่ยังคงเล่นฟุตบอลอยู่หลังประกาศตัวว่าเป็นเกย์
“มันเป็นความรู้สึกล้วนๆ ที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งทางความคิด ผมก็แค่อยากให้ทุกคนได้รู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร” คาวาลโญกล่าว “ผมไม่เคยคิดเลยสักวันว่าจะมีวันที่ผมจะออกมาพูดในเรื่องนี้”
อย่างไรก็ดี การตัดสินใจในวันนั้นของเขาไม่ได้เป็นแค่จุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาแค่คนเดียว
ความกล้าหาญของนักเตะที่เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะมาไม่นานได้ถูกส่งต่อไปยังผู้คนอีกมากมายที่ค่อยๆ เก็บรวบรวมเมล็ดพันธุ์ของความกล้าหาญเอาไว้ในหัวใจ เพื่อรอวันที่มันจะเติบโตและแข็งแรงพอที่จะทำให้พวกเขากล้าจะบอกต่อทุกคนได้ว่าใต้ภาพของนักฟุตบอลที่เข้มแข็งนั้น มันมีมุมอ่อนไหวและหัวใจที่ไม่ได้คิดจะมอบให้แก่ผู้หญิงคนไหน
เจค แดเนียลส์ ไอ้หนูดาวรุ่งวัย 17 ปีของสโมสรแบล็กพูล เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาวาลโญ
เด็กหนุ่มที่เพิ่งจะได้โอกาสลงแจ้งเกิดในทีมชุดใหญ่หลังจากที่ฉายแววโดดเด่นในระดับทีมเยาวชนมานาน กลายเป็นนักฟุตบอลอังกฤษคนแรกในช่วงระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 30 ปีต่อจาก จัสติน ฟาชานู ผู้อาภัพ ที่ประกาศตัวว่าเขาเป็นเกย์
สิ่งที่แตกต่างไประหว่างเรื่องราวของฟาชานูกับแดเนียลส์ คือการที่ฝ่ายหลังเกิดในยุคที่สังคมรับรู้ ยอมรับ และเปิดกว้างมากขึ้น
และอย่างน้อยเด็กคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว เพราะเขามีไอดอลอย่างคาวาลโญคอยให้คำปรึกษาด้วย ซึ่งทั้งสองได้กลายเป็นคนสนิทกันไปแล้ว
เจค แดเนียลส์ นักเตะดาวรุ่งสีรุ้งคนแรกในรอบ 30 กว่าปีของวงการฟุตบอลอังกฤษ
“เรื่องหลักที่ผมให้คำแนะนำแก่เขา คือขอให้เขายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นและมีความสุขกับมัน นี่คือบทใหม่ ชีวิตใหม่ ดังนั้นจงออกไปและใช้ชีวิตให้ดี” คาวาลโญกล่าวถึงเจ้าหนูเจค “ผมรู้สึกตื่นเต้นสำหรับเราทั้งคู่ เพราะเราเพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตการเป็นนักฟุตบอล
“เรื่องนี้มันเป็นสิ่งที่ต้องดูกันยาวๆ และมันจะไม่ได้มีแต่วันที่มีความสุขแน่ มันจะต้องมีวันที่เลวร้ายเช่นกัน เพียงแต่เขาดูจะพร้อมแล้วสำหรับการรับมือ”
สำหรับคาวาลโญ เขาค้นพบความรู้สึกจริงๆ ของหัวใจหลังจากที่เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรแอดิเลด ยูไนเต็ด ซึ่งเมื่อขึ้นไปรับรางวัลแม้ครึ่งหนึ่งของใจเขาจะมีความสุข แต่อีกครึ่งหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาจากอคาเดมีสู่ทีมเยาวชน คาวาลโญรู้ตัวดีว่าเขา ‘แสร้ง’ ทำเป็นคนอื่นและปกปิดตัวตนจริงๆ ของเขาเอาไว้ตลอดเวลา ซึ่งยิ่งแสร้งทำมากเท่าไร น้ำหนักของเรื่องโกหกก็ยิ่งกดทับหัวใจของเขามากขึ้นเท่านั้น
สุดท้ายมันก็หนักเกินกว่าที่เขาจะแบกไหว และตัดสินใจที่จะปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา
โชคดีเช่นกันสำหรับคาวาลโญที่ทุกคน – อย่างน้อยคนรอบกายและหลายบุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการ รวมถึง เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูล – ถือดอกไม้มาให้ และอ้าแขนกว้างเพื่อรอโอบกอดเด็กหนุ่มคนนี้ไว้ด้วยหัวใจที่อบอุ่น
“ถ้าผมเปิดดูโทรศัพท์มือถือตอนนี้ผมจะเห็นข้อความจากคุณแม่ คุณพ่อ เด็กๆ ไม่ว่าจะหนุ่มหรือสาว หรือคุณปู่คุณย่าของใครสักคนที่ส่งข้อความมา”
ข้อความที่คาวาลโญได้รับไม่ใช่แค่การให้กำลังใจ แต่เป็นคำขอบคุณ ขอบคุณที่ความกล้าหาญของเขาได้ช่วยปลดปล่อยผู้คนอีกมากมายที่ไม่เคยรู้สึกกล้าหาญแบบนี้มาก่อนในการที่จะยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแค่เด็กน้อยหรือหนุ่มสาว แม้กระทั่งผู้ใหญ่หลายคนเองก็ตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมาให้ทุกคนได้รู้
และเมื่อปลดปล่อยตัวตนออกมาแล้ว มันทำให้ทุกคนคลายความทุกข์จากน้ำหนักของสิ่งที่ต้องปกปิดไว้ตลอดมาได้ เหมือนคาวาลโญที่บอกว่าเขาเหมือนยกภูเขาออกจากอก
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะมอบดอกไม้ให้ คนนิสัยเสียอีกไม่น้อย (ตามธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแฟนบอล) ก็มาพร้อมก้อนอิฐที่จะเขวี้ยงใส่ด้วยคำพูด ท่าทาง หรืออะไรก็ตามที่จะทำร้ายจิตใจได้
ถามว่าเจ็บไหม? ก็เจ็บ แต่คาวาลโญทำได้แค่เพียงทำใจให้เข้มแข็งที่สุดที่จะอดทนต่อก้อนอิฐของความคิดที่ชั่วร้าย
อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำอะไรผิด และเขาก็ได้ช่วยผู้คนอีกมากมาย รวมถึงนักกีฬาจากทั่วโลกที่ติดต่อมาขอคำแนะนำเป็นการส่วนตัว และแน่นอนรวมถึงขอกำลังใจเผื่อสักวันเขาเหล่านั้นจะกล้าหาญเหมือนที่คาวาลโญเป็น
“ผมอยากให้เด็กๆ ที่กำลังโตและบอกทุกคนว่าพวกเขาเป็นเกย์จะไม่ต้องหันหลังให้กับเกมกีฬา เพราะผมไม่อยากได้ยินว่าเมสซีหรือโรนัลโดคนต่อไปเป็นเกย์และต้องเลิกเล่นฟุตบอล”
การเป็นตัวเองไม่ใช่สิ่งที่ผิด และการรู้จักรู้ใจตัวเองก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
“ผมภูมิใจในตัวของผมเองและผมหวังว่าจะสามารถช่วยชีวิตของใครหลายคนให้ดีขึ้นด้วย”
ถึงสนามฟุตบอลนั้นจะกว้างใหญ่ แต่อย่างน้อยก็มีดอกไม้สีรุ้งที่ผลิบานแล้ว 2 ดอกในเวลานี้
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/news/world-61594480
- https://www.bbc.co.uk/sport/football/61467159
- https://www.bbc.co.uk/sport/football/61471763