วันนี้ (30 พฤษภาคม) กองทัพเนปาลเปิดเผยว่า ได้พบจุดเกิดเหตุของเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบิน Tara Air ที่หายไปพร้อมกับผู้คน 22 คนบนเครื่อง ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีเมฆมากในเนปาลเมื่อวานนี้ (29 พฤษภาคม) แล้ว ขณะที่ เตก ราช สิโตลลา โฆษกท่าอากาศยานนานาชาติตริภูวัน กรุงกาฐมาณฑุของเนปาล เปิดเผยว่าล่าสุดทีมกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 14 คน และการค้นหาบุคคลที่เหลือยังคงดำเนินต่อไป
ขณะที่ เดโอ ชานดรา ลาล คาร์นา โฆษกสำนักงานการบินพลเรือนแห่งเนปาล (CAAN) ระบุว่า “มีโอกาสน้อยมากในการค้นหาผู้รอดชีวิต”
โดยก่อนหน้านี้ นารายัน ซิลวาล โฆษกกองทัพบก ระบุในทวิตเตอร์ว่า “หน่วยค้นหาและกู้ภัยพบจุดเกิดเหตุเครื่องบินตกแล้ว” โดยโพสต์ภาพซากเครื่องบินที่มองเห็นเลขท้ายเครื่องบินได้ชัดเจน และชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินกระจัดกระจายอยู่ตามชายเขา
ตามรายงานของสายการบินและเจ้าหน้าที่ทางการ เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบิน De Havilland Canada DHC-6-300 Twin Otter ที่ดำเนินการโดยสายการบินเอกชน Tara Air มีชาวอินเดีย 4 คน ชาวเยอรมัน 2 คน และชาวเนปาล 16 คนอยู่บนเครื่องบิน
เครื่องบินลำนี้ออกเดินทางจากเมืองโปขระ ห่างจากเมืองหลวงกาฐมาณฑุไปทางตะวันตกประมาณ 125 กิโลเมตร มุ่งหน้าไปทางเขตปกครองท้องถิ่นจอมสอม ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออีกราว 80 กิโลเมตร โดยปกติเที่ยวบินนี้จะใช้เวลาราว 20 นาที แต่เครื่องบินลำดังกล่าวกลับขาดการติดต่อกับหอควบคุมเมื่อ 5 นาทีก่อนจะถึงกำหนดลงจอดที่เขตปกครองส่วนท้องถิ่นจอมสอม อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่แสวงบุญซึ่งเป็นที่นิยม
จุดเกิดเหตุเครื่องบินตกอยู่ในภูมิภาคที่เป็นที่ตั้งของภูเขาเตาลากีรี ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ใกล้ชายแดนเนปาลกับจีน
สำหรับการกู้ภัยนั้น เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่าทหารจากกองทัพเนปาลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนอื่นๆ กำลังปฏิบัติการในพื้นที่ภูเขาอย่างยากลำบากที่ระดับความสูงประมาณ 14,500 ฟุต โดยมีเมฆปกคลุมหนาแน่น ขณะที่ข้าราชการรายหนึ่งในเขตมุสตางซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุระบุว่า สภาพอากาศยังคงมีเมฆหนามาก และการค้นหายังคงดำเนินต่อไป
ส่วนข้อมูลจากเว็บไซต์ติดตามเที่ยวบิน Flightradar24 ระบุว่าเครื่องบินที่สูญหายลำนี้มีหมายเลขทะเบียน 9N-AET และได้ทำการบินครั้งแรกในเดือนเมษายนปี 1979
ภาพ: BISHAL MAGAR / AFP
อ้างอิง: