‘ราคาทอง’ วันนี้ยืนเหนือ 30,000 บาทอีกรอบ หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด ลุ้น Fed ชะลอขึ้นดอกเบี้ยแรง

ราคาทองคำในประเทศขยับขึ้นเหนือระดับ 30,000 บาทต่อบาททองคำอีกครั้งหลังจากที่ปรับลดลงมาเล็กน้อย ตอบรับตัวเลขทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแย่กว่าคาด และ Dollar Index ที่อ่อนค่าลง อีกทั้งนักลงทุนเริ่มเชื่อเพิ่มขึ้นว่า Fed จะกลับทิศนโยบายสู่การผ่อนคลายในครึ่งปีหลัง เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ทองคำในประเทศเปิดตลาดในระดับทรงตัว โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 29,850 บาทต่อบาททองคำ และขายออกที่ 29,950 บาทต่อบาททองคำ จากนั้นในช่วงบ่ายราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยทองคำแท่งรับซื้อที่ 29,900 บาทต่อบาททองคำ ขายออกที่ 30,000 บาทต่อบาททองคำ

โดยวานนี้ (26 พฤษภาคม) ราคาทองคำ (Spot) ในตลาดโลก ปิดปรับตัวลดลง 3 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,841.42-1,854.29 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ดีดตัวสู่ระดับ 2.758% จากแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 2.706% ท่ามกลางแรงขายพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากนักลงทุนกลับมาเปิดรับความเสี่ยง (Risk on) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip รวมไปถึงการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจชะลอ (Slow) หรือระงับ (Pause) การคุมเข้มนโยบายการเงินในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในระยะนี้ส่วนใหญ่ล้วนออกมาแย่เกินคาด

โดยล่าสุด GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 1/22 หดตัว 1.5% แย่กว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระดับ 1.4% และแย่กว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะหดตัวเพียง 1.3% ขณะที่ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ลดลงเกินคาดถึง 3.9% ในเดือนเมษายน สู่ระดับ 99.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2020

ปัจจัยดังกล่าวกดดันดัชนีดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง 0.31% จนช่วยพยุงราคาทองคำให้ฟื้นตัวและช่วยลดช่วงติดลบ

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง

วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส ระบุว่า วันนี้ (27 พฤษภาคม) ยังต้องติดตามการเปิดเผยดัชนี Core PCE รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก UoM เพิ่ม โดยแนะนำให้เก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว แนะนำเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,858-1,869 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 1,841-1,836 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้สามารถถือสถานะขายต่อ

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH