แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของออสเตรเลีย ให้คำมั่นว่าจะนำประเทศไปสู่ทิศทางใหม่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงนโยบายสภาพภูมิอากาศครั้งใหญ่ โดยเตรียมที่จะผลักดันให้ออสเตรเลียเป็นมหาอำนาจด้านพลังงานหมุนเวียน
แอนโทนี อัลบาเนซี จากพรรคเลเบอร์ ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ได้เข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของออสเตรเลียในวันนี้ หลังเอาชนะ สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (21 พฤษภาคม)
ทั้งนี้ปัญหาภาวะโลกร้อนถือเป็นหัวข้อที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวออสเตรเลียให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ หลังจากที่ประเทศเผชิญกับวิกฤตไฟป่าและอุทกภัยครั้งใหญ่ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผลการนับคะแนนในขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าพรรคเลเบอร์จะได้รับเสียงข้างมากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือต้องร่วมมือกับพรรคเล็กเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยขณะนี้พรรคเลเบอร์ของอัลบาเนซีขาดเพียงอีกไม่กี่ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรก็จะสามารถครองเสียงส่วนใหญ่ได้แล้ว
ผู้นำป้ายแดงของออสเตรเลียวัย 59 ปี ให้สัมภาษณ์กับ ไชมา คาลิล จากสำนักข่าว BBC ไม่นานหลังจากที่เขาสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ว่า “ขณะนี้เรามีโอกาสที่ปิดฉากสงครามสภาพภูมิอากาศในออสเตรเลีย
“ผู้ที่ทำธุรกิจในออสเตรเลียต่างรู้กันดีว่า หากมีการดำเนินนโยบายแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนที่ดี ก็จะส่งผลดีกับตลาดงานและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งผมเองก็ต้องการที่จะประสานความร่วมมือกับประชาคมโลกเพื่อดูแลประเด็นดังกล่าว”
ขณะเดียวกันอัลบาเนซียังให้คำมั่นด้วยว่า เขาจะตั้งเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษที่มีความทะเยอทะยานอย่างมากด้วย แต่ถึงเช่นนั้นเขาก็ยังคงปฏิเสธข้อเรียกร้องของประชาชนที่ต้องการให้ออสเตรเลียยุติการใช้ถ่านหิน หรือระงับการเปิดเหมืองถ่านหินแห่งใหม่
อัลบาเนซีประกาศชัดเจนว่าเขาจะเป็น ‘ผู้ปิดฉากสงครามสภาพภูมิอากาศ’ ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ขัดขวางเป้าหมายการลดการปล่อยมลพิษของออสเตรเลียเมื่อช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ในฐานะว่าที่ผู้นำคนใหม่ ขณะนี้อัลบาเนซีจึงมีอำนาจเต็มที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายภายใต้ยุคของอดีตนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน นอกจากนี้การที่ผู้สมัครจากพรรคลิเบอรัลของมอร์ริสันพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งในหลายเมืองใหญ่ของประเทศนั้น ก็ถือเป็นการประกาศชัดเจนว่าผู้คนไม่ยอมรับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอันล้าหลังที่ออสเตรเลียไม่พัฒนาทัดเทียมเท่ากับประเทศร่ำรวยอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วนได้เทคะแนนไปยังผู้สมัคร ส.ส. อิสระกลุ่มเทล (Teal) รวมถึงพรรคการเมืองขนาดเล็กอย่างพรรคกรีนส์ ซึ่งเน้นหาเสียงด้วยนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม อันเป็นหัวข้อที่ชาวออสเตรเลียกำลังให้ความสนใจ
การที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มดังกล่าวเทคะแนนให้กับผู้สมัครอิสระและพรรคเล็กนั้น ได้ทำให้ภูมิทัศน์ทางการเมืองของออสเตรเลียเปลี่ยนโฉมไปจากเดิม โดยผู้สมัครอิสระจากกลุ่มเทลสามารถคว้าที่นั่งหลักในเมลเบิร์น ซิดนีย์ และเพิร์ท อันเป็นเมืองใหญ่ของประเทศไปได้ ขณะที่พรรคกรีนส์มีแนวโน้มที่จะได้ 3 ที่นั่งในเมืองบริสเบน โดยกลุ่มเทลและพรรคกรีนส์ต้องการให้ออสเตรเลียใช้ไม้แข็งในการดำเนินการแก้ปัญหาด้านสภาพอากาศมากกว่านโยบายของอัลบาเนซี
ทั้งนี้มีกระแสคาดการณ์เกิดขึ้นว่า พรรคเล็กอาจล็อบบี้อัลบาเนซี เพื่อบีบให้มีการปรับเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้แข็งกร้าวกว่าเดิม หากผู้นำออสเตรเลียคว้าน้ำเหลวในการครองเสียงข้างมากในสภา
อัลบาเนซีมีกำหนดเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นวันนี้ เพื่อเข้าร่วมประชุมกับผู้นำกลุ่ม Quad ซึ่งประกอบด้วยญี่ปุ่น อินเดีย สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ในฐานะผู้นำประเทศคนใหม่ โดยเขาได้เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งก่อนออกเดินทาง
อัลบาเนซีกล่าวย้ำว่า การประชุมครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญสำหรับออสเตรเลียที่จะส่งสารบอกกับประชาคมโลกว่า “ออสเตรเลียมีการเปลี่ยนรัฐบาล และจะเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างๆ รวมถึงปัญหาโลกร้อน”
“ผมต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ และเปลี่ยนรูปแบบการเมืองในออสเตรเลีย” เขากล่าว
ย้อนกลับไปในสมัยของอดีตนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งต่อจาก มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์เมื่อปี 2018 นั้น ออสเตรเลียต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงโรคระบาดใหญ่ จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งว่าเขาอาจจะพ่ายแพ้ในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนที่เฉียดฉิว แต่กลับกลายเป็นว่าผลลัพธ์ที่ออกมานั้นเรียกได้ว่าถึงขั้นล้มเหลว
มอร์ริสันได้ส่งสารแสดงความยินดีไปยังอัลบาเนซี พร้อมกล่าวว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคลิเบอรัลรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ และยอมรับว่า “นี่คือช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่”
“สิ่งที่ชาวออสเตรเลียต้องอดทนมาตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ได้แสดงให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะ ความยืดหยุ่น และความแข็งแกร่งอย่างลึกซึ้ง” อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้บรรดาผู้นำจากนานาประเทศต่างส่งสารแสดงความยินดีกับชัยชนะของอัลบาเนซี เริ่มจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ได้ต่อสายตรงมาถึงอัลบาเนซีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อแสดงความยินดีต่อชัยชนะในครั้งนี้
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวระบุว่า ไบเดนได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของสหรัฐฯ ที่มีต่อพันธมิตรอย่างออสเตรเลีย และมีความตั้งใจที่จะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ด้านบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ก็ได้กล่าวแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน โดยระบุว่าเขาตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับอัลบาเนซีต่อไปในอนาคต
ส่วนจาซินดา อาร์เดิร์น ผู้นำนิวซีแลนด์ กล่าวว่า เธอได้สนทนากับอัลบาเนซีอย่างอบอุ่น โดยออสเตรเลียถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญที่สุดของนิวซีแลนด์
ภาพ: David Gray / Getty Images
อ้างอิง: