บมจ.สินมั่นคงประกันภัย หรือ SMK ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางแล้ว หลัง คปภ. ไฟเขียว โดยบริษัทเป็นผู้ทำแผน เปิดแนวทางฟื้นฟูกิจการ หาแหล่งเงินทุนใหม่จากผู้ร่วมทุนใหม่ นำเงินชำระหนี้ ปรับโครงสร้างทุนและปรับโครงสร้างหนี้ และศึกษาเตรียมแผนดำเนินธุรกิจให้เหมาะสม พร้อมขอเลื่อนส่งงบการเงินไตรมาส 1/65 หลังยอดเคลมโควิดพุ่งเกินคาด
บมจ.สินมั่นคงประกันภัย (SMK) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประภันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้ออกประกาศหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการขอความยินยอมในการฟื้นฟูกิจการของบริษัทประกันภัยวินาศภัย พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2565 กำหนดรายละเอียดในกรณีการขอความยินยอมคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทประกันวินาศภัย
ต่อมา คณะกรรมการของบริษัท สินมั่นคงประกันภัย ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบให้บริษัทยื่นขอความยินยอมเพื่อยื่นคำร้องขอศาลให้ฟื้นฟูกิจการต่อสำนักงาน คปภ. บริษัทจึงได้ยื่นคำขอความยินยอมเพื่อยื่นคำร้องขอต่อศาลให้ฟื้นฟูกิจการต่อสำนักงาน คปภ. เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 นั้น ภายหลังจากที่สำนักงาน คปภ. ได้พิจารณาคำขอดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 สำนักงาน คปภ. ได้ให้ความยินยอมเป็นหนังสือต่อบริษัทให้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง โดยบริษัทต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางภายใน 5 วันทำการนับแต่วันที่ได้รับหนังสือดังกล่าว
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 บริษัทได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลาย โดยสาระสำคัญขอฟื้นฟูกิจการ มีดังนี้
- บริษัทในฐานะลูกหนี้ เป็นผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง
- บริษัทเสนอบริษัท สินมั่นคงประกัน ลูกหนี้เป็นผู้ทำแผน
- แนวทางของแผนฟื้นฟูกิจการในเบื้องต้น ได้แก่
3.1 การหาแหล่งเงินทุนใหม่และปรับโครงสร้างทุน โดยเฉพาะการเพิ่มทุนเพื่อระดมเงินจากผู้ร่วมทุนใหม่ เพื่อนำมาใช้ในการชำระหนี้และหรือเพื่อปรับโครงสร้างทุนให้มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
3.2 การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้ ขยายระยะเวลาชำระหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ เสนอชำระหนี้ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน
3.3 การศึกษาและจัดเตรียมแผนและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจประกันภัยให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ การฟื้นฟูกิจการเป็นไปเพื่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ค่าสินไหมทดแทนของผู้เอาประกันภัยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ด้วยวิธีการที่มีกฎหมายรองรับและให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจตามปกติอย่างต่อเนื่องในระหว่างที่เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ รวมถึงการให้ความคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประภัยต่างๆ เช่น ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจและภาคบังคับ ประกันอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันขนส่งทางทะเล โดยบริษัทจะดูแลและชำระค่าสินไหมทดแทนตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ และชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจตามทางการค้าปกติ
นอกจากนี้ บริษัทได้ขอเลื่อนการนำส่งงบการเงินสำหรับงวดไตรมาส 1 ปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2565 ออกไป เนื่องจากจำนวนเคลมสินไหมทดแทนโควิด (COVID-19) ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2565 มีปริมาณมากและสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ บริษัทจำเป็นต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้การแสดงรายการและการเปิดเผยข้อมูลในงบการเงินของบริษัทมีความครบถ้วนถูกต้อง ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องจัดส่งงบการเงินล่าช้ากว่ากำหนด
โดยบริษัทจะเร่งดำเนินการส่งงบต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยเร็วที่สุด