×

BCP รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 พุ่งขึ้น 148%QoQ แต่ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย เพราะขาดทุนจากสัญญาป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันสูงกว่าคาด

12.05.2022
  • LOADING...
BCP

เกิดอะไรขึ้น:

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2565 บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) รายงานกำไรสุทธิ 1Q65 เพิ่มขึ้นมากถึง 91%YoY และ 148%QoQ สู่ 4.4 พันล้านบาท โดยปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนกำไร คือกำไรสต๊อกน้ำมันในธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจการตลาด โดยเกิดจากปริมาณขายและค่าการตลาดที่สูงขึ้น ส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้ายังคงแข็งแกร่งและมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ ขณะที่กำไรจากธุรกิจ E&P แม้ลดลง QoQ แต่ยังคงแข็งแกร่ง 

 

รายการสำคัญในผลประกอบการ 1Q65 มีดังนี้

  1. การเพิ่มอัตราการผลิตขึ้นอีก QoQ: เพื่อรองรับอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น เนื่องจาก BCP ขายผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่ที่สถานีบริการน้ำมันของบริษัท อุปสงค์น้ำมันดีเซลและ LSFO (น้ำมันเตาที่มีกำมะถันต่ำ) ก็ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตไฟฟ้าหันมาใช้น้ำมันดีเซลและ LSFO แทนก๊าซธรรมชาติที่มีราคาแพงกว่า 

 

นอกจากนี้ BCP ยังสามารถเพิ่มอัตราการผลิตจนสูงสุดได้แม้ว่าอุปสงค์น้ำมันเครื่องบินยังไม่กลับคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด โดยได้รับการชดเชยจากมาร์จิ้นที่สูงขึ้นของ UCO (Unconverted Oil) ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานคุณภาพสูง (Group III) 

 

Market GRM (ค่าการกลั่นตามราคาตลาด) ของบริษัทปรับขึ้น 1%QoQ สู่ 6.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล กำไรสต๊อกน้ำมันจำนวนมากถึง 3.6 พันล้านบาท ถูกลดทอนไปบางส่วน โดยขาดทุนจากการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจำนวน 1.2 พันล้านบาท

 

  1. ค่าการตลาดเพิ่มขึ้น QoQ: EBITDA ของธุรกิจการตลาดฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง (เพิ่มขึ้น 338%QoQ) โดยเกิดจากค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นสู่ 0.59 บาทต่อลิตร (เพิ่มขึ้น 9%QoQ) อันเป็นผลมาจากมาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากลูกค้าภาคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ค่าการตลาดดังกล่าวยังต่ำกว่าเป้าหมายระยะยาวที่ 0.7 บาทต่อลิตร เนื่องจากการปรับราคาขายปลีกน้ำมันยังทำได้ช้ากว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ได้รับการชดเชยจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 2%QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจากตลาดอุตสาหกรรม (เพิ่มขึ้น 21%QoQ)

 

ในขณะที่อุปสงค์ในตลาดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันระดับสูง กำไรปกติของธุรกิจพลังงานไฟฟ้าและธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพยังอยู่ในระดับทรงตัว และมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์จำนวน 2 พันล้านบาท หลังจากบริษัทย่อยขายโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซีย

 

  1. กำไรจากธุรกิจ E&P แข็งแกร่ง: แม้กำไรจากธุรกิจ E&P (OKEA) ลดลง 12%QoQ แต่ยังแข็งแกร่ง ด้วย EBITDA 4.2 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 30% ของ EBITDA ทั้งหมดใน 1Q65 โดยได้แรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น หลักๆ คือ ผลิตภัณฑ์เหลว (เพิ่มขึ้น 15%QoQ) แม้ปริมาณขายลดลง 15%QoQ 

 

กระทบอย่างไร:

ในวันนี้ (12 พฤษภาคม 2565) ราคาหุ้น BCP ปรับตัวลง 1.46%DoD อยู่ที่ระดับ 33.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวลง 1.79%DoD อยู่ที่ระดับ 1,584.52 จุด

 

แนวโน้มผลประกอบการใน 2Q65:

SCBS คาดการณ์กำไรปกติใน 2Q65 จะยังคงแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจโรงกลั่นจะได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของ Market GRM (หลักๆ เกิดจากน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน) เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเพื่อการขนส่งเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ธุรกิจ E&P ก็จะสร้างกำไรเพิ่มขึ้น โดยได้รับการสนับสนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นและราคาน้ำมันที่แข็งแกร่ง และกำไรจากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าน่าจะยังอยู่ในระดับทรงตัว 

 

สำหรับความท้าทายที่สำคัญท่ามกลางราคาน้ำมันที่สูงขึ้น คือธุรกิจการตลาด ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากความพยายามตรึงราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศของรัฐบาล และธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพอาจได้รับแรงกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบสูง

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X