วันนี้ (28 เมษายน) กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวถึงกรณีรัฐบาลอินโดนีเซียประกาศระงับส่งออกปาล์มน้ำมัน โดยระบุว่า อินโดนีเซียเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลก การประกาศระงับการส่งออกครั้งนี้เพื่อกดราคาน้ำมันปาล์มที่ประชาชนชาวอินโดนีเซียบริโภค ซึ่งความจริงแล้วน้ำมันไม่ได้ขาดตลาด ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ส่วนไทยเรานั้นเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ส่งออก และผู้บริโภค ราคาที่สูงขึ้นเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกร แต่ไม่ดีสำหรับผู้บริโภค ในสภาวะที่ประชาชนเดือดร้อนอยู่แล้วจากภาวะของแพง รัฐบาลต้องเตรียมรับมือ
กรณ์กล่าวอีกว่า ด้วยสถานการณ์พิเศษนี้ ที่น้ำมันจากดอกทานตะวันขาดตลาดเพราะยูเครนเลิกผลิต บวกกับอินโดนีเซียระงับการส่งออกน้ำมันปาล์ม ส่งผลให้ราคาน้ำมันปาล์มมีแต่เพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญได้คำนวณให้ตนเห็นว่า ตามราคาต้นทุนน้ำมันดิบในปัจจุบัน ราคาน้ำมันขวดควรต้องอยู่ที่ประมาณลิตรละ 75 บาท (ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 64 บาท) ซึ่งที่ผู้ผลิตยังอยู่ได้เพราะสต๊อกปาล์มน้ำมันในราคาเดิมยังมีอยู่ และเพราะสะสมกำไรมาพอควรในอดีต หากสถานการณ์ในยูเครนและอินโดนีเซียปรับกลับสู่ปกติโดยเร็วก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้ายืดเยื้อหรือเลวร้ายลง บวกกับปริมาณน้ำมันถั่วเหลืองต่ำกว่าที่คาดการณ์ รัฐบาลอาจต้องเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค
“วิธีหนึ่งที่ทำได้คือใช้งบประมาณที่สำรองไว้เพื่อประกันราคาปาล์มน้ำมันให้เกษตรกร ซึ่งประกันไว้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ดังนั้น ตอนนี้ไม่ต้องใช้งบส่วนนี้แน่นอน จึงสามารถนำงบส่วนนี้มาชดเชยราคาน้ำมันขวดเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคให้มีภาระน้อยลงการปล่อยให้ราคาน้ำมันปาล์มสูงเกินไป นอกจากเป็นภาระต่อประชาชนแล้ว ยังเสี่ยงเป็นภัยต่อสุขภาพประชากร เพราะจะเกิดการใช้นํ้ามันทอดอาหารซํ้าหลายรอบ เวลานี้ต้องบอกว่าสถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา ทำให้การบริหารเศรษฐกิจช่วงนี้ห้ามกระพริบตา” กรณ์กล่าว