กินเค็มได้โซเดียมไม่เพิ่ม เมื่อญี่ปุ่นผลิตตะเกียบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยเพิ่มรสเค็มโดยไม่ต้องใส่เกลือ

ได้เวลาของคนชอบกินเค็มแต่ไม่อยากได้โซเดียมเพิ่ม เมื่อญี่ปุ่นพัฒนาตะเกียบอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยเพิ่มรสเค็มโดยที่ไม่ต้องใส่เกลือ

เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดนี้สร้างโดยนักวิจัยญี่ปุ่น มิยาชิตะ โฮเมอิ จากคณะเทคโนโลยีมีเดีย มหาวิทยาลัยเมจิ ประเทศญี่ปุ่น ร่วมมือกับบริษัท Kirin Holdings บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่ม สร้างตะเกียบอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเพิ่มรสเค็มของอาหารเพื่อให้คงรสชาติเดิมในปริมาณโซเดียมที่ลดลง การทำงานของตะเกียบคู่นี้คือการปล่อยกระแสโซเดียมไอออนจากอาหารผ่านสายเคเบิลและเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ในรูปแบบริสต์แบนด์ตรงข้อมือผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับตะเกียบ ก่อนที่จะลิ้มรสอาหารเพื่อเพิ่มรสชาติเค็มโดยที่ไม่ต้องใส่เกลือเพิ่ม เทคโนโลยีนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในประเทศญี่ปุ่น เพราะการบริโภคเกลือของประชากรในประเทศญี่ปุ่นเฉลี่ยของเพศชายที่ 10.9 กรัม/วัน เพศหญิงที่ 9.3 กรัม/วัน ซึ่งสูงกว่าที่ World Health Organizations (WHO) กำหนดค่ามาตรฐานไว้ที่ 5 กรัม/วัน ส่งผลให้ประชากรในประเทศญี่ปุ่นประสบภาวะความดันสูง หัวใจวาย และมีความเสี่ยงเกิดหลอดเลือดอุดตัน ตะเกียบนี้จะช่วยควบคุมปริมาณการบริโภคเกลือในแต่ละวันให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม

จากกลุ่มทดลองจำนวน 36 คน อายุระหว่าง 40-65 ปี ทั้งชายและหญิง ที่อยู่ระหว่างการควบคุมโซเดียมหรือเคยบริโภคอาหารโซเดียมต่ำ ผลสรุปพบว่าตะเกียบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยคงรสชาติเดิมถึงแม้จะเป็นอาหารโซเดียมต่ำก็ตาม

“จากผลการทดลอง ตะเกียบนี้ช่วยเพิ่มรสชาติความเค็มประมาณ 1.5 เท่า” มิยาชิตะกล่าว ซึ่งนอกจากตะเกียบแล้วยังสามารถใช้กับภาชนะตักอาหารอื่นๆ ได้อีกด้วย ทำให้เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดโซเดียมอย่างมาก

ตั้งแต่ปี 2019 มิยาชิตะ โฮเมอิ และบริษัท Kirin Holdings ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการรับรสชาติอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้กระแสไฟฟ้าต่ำ เพื่อให้ผู้ที่ควบคุมอาหารได้รับรสชาติมากขึ้น มีความสุขกับการรับประทานเหมือนเดิม แต่ยังคงรักษาสุขภาพ และในปี 2021 ก็ได้สร้างตัวต้นแบบ ‘Taste The TV’ โทรทัศน์ที่สามารถรับรสอาหารผ่านการเลียหน้าจอ เพื่อให้ลิ้มรสอาหารได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น

มิยาชิตะ โฮเมอิ และบริษัท Kirin Holdings วางแผนจะจัดจำหน่ายตะเกียบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มรสชาติภายในปี 2023 หรือ 2024

ภาพ: Meiji University

อ้างอิง: