เช้าวันนี้ (12 ม.ค.) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีก เปิดที่ 32.01 บาทต่อดอลลาร์ และหลุดไปที่ 31.96 บาทในช่วงสั้น จากนั้นอ่อนค่าลงมาที่ 32.23 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลของบรรดาผู้ประกอบการ โดยเฉพาะผู้ส่งออกและนักลงทุน
ผศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นว่า ภาวะค่าเงินบาที่แข็งค่าขณะนี้อาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยถ้าพิจารณาในด้านมูลค่าสินค้าและบริการที่จะลดลงเมื่อแปลงกลับมาเป็นเงินบาทประมาณ 1 แสนล้านบาท และมีผลต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศประมาณ 0.7% ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติอาจจะกังวลกับค่าเงินบาทที่แข็ง ทำให้ต้นทุนทางการเงินเปลี่ยนแปลงไปและเกิดความไม่มั่นใจได้
นอกจากนี้ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจคือการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่ส่งผลกับต้นทุนของผู้ประกอบการและราคาสินค้าได้ แต่ยังมองว่าตัวเลข GDP น่าจะเติบโต 4.2-4.5% เนื่องจากแนวโน้มการส่งออกยังดี ขณะที่ตัวเลขการท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้น สิ่งที่สำคัญคือการเร่งผลักดันโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐกว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบจะเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ประกอบการและนักลงทุน ซึ่งวันนี้สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ (สรท.) จะเข้าพบผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อหารือเรื่องค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่าต่อเนื่อง