ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย และมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย หารือทางโทรศัพท์เกี่ยวกับการร่วมมือกับกลุ่ม OPEC+ เพื่อทำให้ตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ ซึ่งทั้งสองผู้นำมีมุมมองเชิงบวกหลังการหารือ
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย และมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งซาอุดีอาระเบีย มีมุมมองเชิงบวกต่อความร่วมมือของพวกเขาในกลุ่มผู้ผลิต OPEC+ เพื่อทำให้ตลาดน้ำมันโลกมีเสถียรภาพ
การหารือครั้งนี้เกิดขึ้นทางโทรศัพท์เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ของปูตินในการต่อสายตรงถึงผู้นำซาอุ นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยรัฐบาลรัสเซียระบุว่า การหารือลักษณะนี้เกิดขึ้นจากความคิดริเริ่มของซาอุดีอาระเบีย
นอกจากนี้ ทั้งสองผู้นำยังได้หารือเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครนและเยเมนด้วย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลรัสเซียไม่ได้ให้รายละเอียดในประเด็นนี้เพิ่มเติม
ขณะที่ซาอุดีอาระเบียกล่าวในแถลงการณ์สั้นๆ ว่า มกุฎราชกุมารได้รับโทรศัพท์จากปูติน แต่ไม่ได้กล่าวถึง OPEC+ หรือความร่วมมือด้านพลังงานโดยเฉพาะแต่อย่างใด
“พวกเขาหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่นำทั้งสองประเทศมารวมกัน และวิธีพัฒนาความสัมพันธ์พวกเขาในด้านต่างๆ” แถลงการณ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม มกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน ยังยืนยันถึงการสนับสนุนของราชอาณาจักรสำหรับความพยายามที่นำไปสู่การแก้ปัญหาทางการเมืองต่อวิกฤตในยูเครน และบรรลุความมั่นคงและเสถียรภาพ
ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียและผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อื่นๆ ในอ่าวเปอร์เซีย ปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้เพิ่มผลผลิต หลังจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางวิกฤตในยูเครน และความกังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรการส่งออกของรัสเซีย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ทางการของประเทศจีน มกุฎราชกุมาร บิน ซัลมาน ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีน โดยมีรายละเอียดว่า ปักกิ่งกำลังแสวงหาความร่วมมือระดับสูงกับซาอุดีอาระเบียในด้านพลังงาน การค้า และเทคโนโลยีชั้นสูง รวมทั้งผู้นำทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับยูเครนด้วย
ขณะเดียวกัน ทางกลุ่ม OPEC ได้ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันของโลกในปี 2565 ในวันที่ 12 เมษายน โดยอ้างถึงผลกระทบของรัสเซียที่บุกยูเครน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งสูงขึ้น และการฟื้นตัวของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในจีน
อ้างอิง: