ชาวรัสเซียแห่เทขาย ‘บิทคอยน์’ ในยูเออี หวังเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นเลี่ยงถูกคว่ำบาตร

สถานีโทรทัศน์ Al Jazeera รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากผู้บริหารและฝ่ายการเงินขององค์กรที่ระบุว่า บรรดาบริษัทด้านคริปโตทั้งหลายในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังได้รับคำร้องจากลูกค้าชาวรัสเซียให้เทขายคริปโตมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนี้ให้เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและปกป้องมูลค่าทรัพย์สินไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร

นอกจากนี้ ลูกค้าบางรายยังแสดงความประสงค์จะใช้คริปโตเคอร์เรนซีไปลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของยูเออี ขณะที่บางรายต้องการเปลี่ยนเงินดิจิทัลให้เป็นเงินจริงๆ เพื่อนำไปใช้จ่ายลงทุนในด้านอื่นๆ ต่อไป

รายงานระบุว่า ทางแพลตฟอร์มที่ทำการเทรดคริปโต ยืนยันได้รับคำร้องขอจากโบรกเกอร์สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์จำนวนมากในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เพื่อให้ขายบิทคอยน์มูลค่าหลายพันล้านออกไป เนื่องจากเกรงว่า ทางการสวิสอาจสั่งอายัดสกุลเงินดิจิทัลดังกล่าวของตน ซึ่งแต่ละคำร้องมีเงินในบัญชีไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่โดยปกติแล้วบริษัทจะถูกเรียกจากทางการสวิตเซอร์แลนด์อย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่มีมูลค่ามหาศาล

ด้านสำนักเลขาธิการกิจการทางเศรษฐกิจแห่งสวิสระบุในแถลงการณ์ชัดเจนว่า ทรัพย์สินคริปโตอยู่ภายใต้การบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร และกฎระเบียบของสวิตเซอร์แลนด์ในการกำกับดูแลสินทรัพย์บุคคลของชาวรัสเซียทั่วไป ดังนั้นหากว่าบุคคลดังกล่าวรวมอยู่ในบัญชีคว่ำบาตร ทางการก็จะสั่งอายัดทรัพย์สินคริปโตที่มีอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ นครดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นศูนย์ทางการเงินและธุรกิจของชาวอาหรับ โดยที่อุตสาหกรรมคริปโตกำลังเติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งด้วยสถานะเป็นกลางที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดของดูไบ ทำให้ชาวรัสเซียส่วนใหญ่นิยมนำเงินมาลงทุนหรือเก็บรักษาไว้ในดูไบ

ขณะเดียวกัน มีรายงานจากสำนักข่าว Kyodo ระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานบริการทางการเงินและกระทรวงการคลัง ประกาศยกระดับความเข้มงวดในการกำกับดูแลเว็บไซต์ที่ให้บริการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตในญี่ปุ่น เพื่อให้ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียของพันธมิตรชาติตะวันตกอย่างเคร่งครัด ซึ่งหมายรวมถึงการเพิ่มบทลงโทษเว็บเทรดคริปโตที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ผู้นำในกลุ่มเศรษฐกิจชั้นนำ 7 ประเทศ หรือ G7 ออกแถลงการณ์ให้คำมั่นว่าจะใช้มาตรการที่เข้มงวดในการกำกับดูแลคริปโต เพื่อป้องกันไม่ให้คริปโตเคอร์เรนซี กลายเป็นช่องทางให้รัสเซียเลี่ยงบทลงโทษได้

รายงานระบุว่า เว็บเทรดคริปโตที่ละเมิดกฎและให้บริการชำระเงินคริปโตกับเป้าหมายที่อยู่ในบัญชีถูกคว่ำบาตร มีสิทธิ์ต้องโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านเยน (ราว 280,000 บาท)

ยิ่งไปกว่านั้น ทางเว็บเทรดคริปโตต้องจัดทำงานรายงานไปให้หน่วยงานที่รับผิดชอบของญี่ปุ่น ในกรณีที่พบว่ามีการทำธุรกรรมน่าสงสัยจากผู้ที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตร

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP