×

C’mon C’mon บางทีโลกสีเทาๆ ใบนี้ก็ทำให้เราหลงลืมความเป็นเด็ก

11.03.2022
  • LOADING...
C’mon C’mon

C’mon C’mon คือภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากผู้กำกับ Mike Mills เจ้าของผลงาน Beginners (2010) และ 20th Century Women (2016) ที่ได้ Joaquin Phoenix นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์จาก Joker (2019) มารับบทนำ

 

ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของ Johnny (Joaquin Phoenix) นักข่าววิทยุบ้างานที่กำลังออกเดินทางสัมภาษณ์คนหนุ่มสาวไปทั่วประเทศเกี่ยวกับ ‘ความหวัง’ และ ‘วันพรุ่งนี้’

 

วันหนึ่ง Johnny ได้รับการติดต่อจาก Viv (Gaby Hoffmann) น้องสาวผู้ไม่ได้ติดต่อกันมานานหลายปี เธอต้องการให้เขาดูแล Jesse (Woody Norman) หลานชายวัย 8 ขวบอย่างกะทันหัน Johnny จึงตัดสินใจพา Jesse ร่วมออกเดินทางไปทั่วประเทศพร้อมกับเขา การค้นหาความหมายของคำว่า ‘รัก’ ของคู่หูต่างวัยบนโลกสีเทาๆ จึงเริ่มต้นขึ้น

 

C’mon C’mon

 

คำถามข้อหนึ่งที่เราตั้งข้อสงสัยก่อนเดินเข้าไปชม C’mon C’mon คือ ทำไม Mike Mills และผู้กำกับภาพ Robbie Ryan จึงเลือกจะเล่าเรื่องผ่านงานภาพขาว-ดำ กระทั่งเราได้ไปร่วมออกเดินทางกับ Johnny และ Jesse จนจบ คำตอบที่เราพอจะตีความได้คร่าวๆ เห็นจะเป็นการแทนภาพของโลกใบใหญ่ ที่แม้จะดูมืดมนไปบ้าง แต่ก็ยังมีแสงสีขาวที่คอยสอดส่องเส้นทางให้เราก้าวเดินอยู่เช่นกัน หรืออีกนัยหนึ่งก็อาจเป็นการแทนมุมมองของชายวัยกลางคนอย่าง Johnny ที่ก็เป็นมนุษย์สีเทาๆ ที่มีทั้งด้านดีและแย่ปะปนกันไป 

 

เหตุผลที่เราตีความภาพขาวดำของ Mike Mills ออกมาเช่นนี้ เพราะตลอดการเดินทางของ Johnny และ Jesse ที่ออกตระเวนไปสัมภาษณ์เด็กๆ มากหน้าหลายตา สิ่งที่เราสังเกตเห็นอย่างชัดเจน คือ คำตอบของเด็กๆ เหล่านั้นซึ่งต่างก็มีความคิดและทัศนคติที่โตเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังเปี่ยมไปด้วยความฝันและความหวังว่าอนาคตของพวกเขาและเธอจะต้องดีกว่าวันนี้ มันจึงอาจเปรียบได้ว่าโลกในมุมมองของพวกเขาต่างแต่งแต้มไปด้วยสีสันที่หลากหลายและงดงาม 

 

C’mon C’mon

 

ขณะเดียวกันในหลายๆ คำถามที่ Johnny ถามเด็กๆ เรารู้สึกว่าตัวภาพยนตร์กำลังยื่นไมค์มาให้ผู้ชมได้ร่วมกันขบคิดและตอบคำถามไปพร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่น “เรานึกภาพอนาคตของตัวเองไว้แบบไหน” “ถ้าเราสามารถมีพลังพิเศษได้ อยากจะมีอะไร” “เรานึกภาพหลังความตายไว้แบบไหน” ฯลฯ อีกทั้งภาพยนตร์ยังชวนให้เราคิดต่อไปอีกว่า หากเราสามารถย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้อีกครั้ง คำตอบของเราจะแตกต่างไปจากตอนนี้หรือเปล่า 

 

สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจความจริงข้อหนึ่งว่า บางทีโลกสีเทาๆ ใบนี้ก็ทำให้เราหลงลืมความเป็นเด็กที่เปี่ยมไปด้วยความหวังและความฝันไปโดยไม่รู้ตัว

 

C’mon C’mon

 

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ C’mon C’mon ถ่ายทอดออกมาได้อย่างลุ่มลึกไม่แพ้กัน คือ การพาผู้ชมไปสำรวจทุกแง่มุมความรู้สึกของ Johnny ที่แม้จะกล้าตั้งคำถามเพื่อขุดค้นความคิดของผู้อื่นและพร้อมจะรับฟังคำตอบอย่างจริงใจแค่ไหน แต่ชีวิตส่วนตัวของเขากลับไม่สามารถรับฟังความคิดเห็นของคนรอบข้างได้อย่างจริงใจ และไม่กล้าที่จะตั้งคำถามกับความรู้สึกของตัวเองได้เลย  

 

แต่ Johnny กลับต้องมาดูแล Jesse เด็ก 8 ขวบจอมซนที่ชอบตั้งคำถามกับเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ในครอบครัว หรือแม้แต่ความหมายของชีวิต เรื่องราวของการเดินทางของ Johnny และ Jesse จึงทำหน้าที่พาผู้ชมไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความคิดของเด็กและผู้ใหญ่ที่แตกต่างกันอย่างลึกซึ้งอีกด้วย 

 

ซึ่งนักแสดงนำอย่าง Joaquin Phoenix ก็ถ่ายทอดบทบาทของการเป็นคุณลุงที่ต้องคอยดูแลเด็กจอมซนออกมาได้อย่างอบอุ่น อีกทั้งนำเสนอให้ผู้ชมได้เห็นถึงความรู้สึกอันมัวหมองที่ตัวละคร Johnny พยายามจะปกปิดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย

 

C’mon C’mon

 

ในภาพรวมแล้ว C’mon C’mon เป็นภาพยนตร์ดราม่าอีกหนึ่งเรื่องที่ชวนให้เราได้ลองสำรวจดูว่า ตัวเราในปัจจุบันแตกต่างไปจากตัวเราในวัยเด็กอย่างไร มีปัจจัยอะไรบางที่ทำให้เราเปลี่ยนแปลงไป และสีสันของโลกที่เรามองเห็นในตอนนี้แตกต่างไปจากวัยเด็กมากน้อยขนาดไหน  

 

C’mon C’mon เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ 

 

รับชมตัวอย่างได้ที่นี่

 

 

ภาพ: IMDb

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X