กว่าหนึ่งสัปดาห์ที่คนทั่วโลกติดตามข่าวที่เกิดขึ้นในยูเครน ทั้งเนื้อหาและภาพข่าวที่ปรากฏตามสื่อยืนยันถึงความเลวร้ายของสงคราม แต่ประชาชนในรัสเซียกลับได้รับรู้เรื่องราวที่ต่างออกไปชนิดที่เรียกได้ว่า ‘หนังคนละม้วน’
สื่อรัสเซียรายงานเฉพาะสิ่งที่รัฐบาลอยากให้ประชาชนเชื่อ โดยองค์กรสื่ออันดับต้นๆ ของรัสเซีย ตั้งแต่สถานีโทรทัศน์ RT ไปจนถึงสำนักข่าว TASS นั้นล้วนแล้วแต่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของ ขณะที่นักข่าวที่กล้าวิจารณ์ไม่เพียงต้องถูกเซ็นเซอร์เนื้อหาเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิต
Roskomnadzor ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการควบคุมและเซ็นเซอร์สื่อของรัสเซีย ได้ออกแถลงการณ์แจ้งสื่อในประเทศว่า “สื่อมวลชนต้องใช้สารสนเทศและข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข้อมูลของทางการรัสเซียเท่านั้น” และเตือนว่าสื่อบางสำนักเผยแพร่ ‘ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยันและไม่น่าเชื่อถือ’ โดยไม่ได้ระบุชื่อสื่อแต่อย่างใด
แม้สื่อฝั่งตรงข้ามรัฐบาลอย่างหนังสือพิมพ์ Novaya Gazeta พยายามที่จะนำเสนอข้อเท็จจริง แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ บรรดาสื่อกระแสหลักกลับเล่นข่าวตามการชักจูงของรัฐบาล ขณะที่เรื่องที่ควรรายงานกลับไม่พูดถึง ในภาพรวมพบว่าสื่อรัสเซียพยายามทำให้การโจมตียูเครนกลายเป็นเรื่องเล็กที่สุด โดยใช้คำว่า ‘ปฏิบัติการทางทหาร’ ตามคำบอกของเจ้าหน้าที่รัฐบาล ต่างกับสื่อตะวันตกที่ระบุว่าเป็น ‘สงคราม’ หรือ ‘การรุกราน’ นอกจากนี้สื่อรัสเซียยังเผยแพร่ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน และบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่มีการวิเคราะห์
ไม่เพียงลดทอนความรุนแรงของสถานการณ์เท่านั้น สื่อรัสเซียยังได้บิดเบือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในยูเครน ตัวอย่างเช่น บทความหนึ่งที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว RIA News เน้นย้ำคำกล่าวอ้างของกระทรวงกลาโหมรัสเซียที่ว่า ข้อความใดก็ตามที่ระบุว่า เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ และยานเกราะของรัสเซียสูญหาย ถือเป็น ‘คำโกหกโดยสิ้นเชิง’ ซึ่งขัดแย้งกับรายงานข่าวในสื่อต่างประเทศ บทความดังกล่าวยังอ้างด้วยว่า เจ้าหน้าที่รักษาชายแดนของยูเครนไม่ได้ต้านทานกองกำลังรัสเซีย ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่ทางการยูเครนได้เผยว่า เจ้าหน้าที่ของยูเครนปฏิเสธที่จะถอนกำลังหรือยอมแพ้
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเผยกับ TIME ว่า ความคิดเห็นเชิงดูถูกเหยียดหยามกองทัพยูเครนเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของรัสเซีย โดยการบิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายขวัญ กำลังใจ และโน้มน้าวให้ยอมจำนน
“ข้อมูลของเราบ่งชี้ว่ารัสเซียกำลังพยายามบิดเบือนข้อมูลด้วยการเผยแพร่รายงานเท็จเกี่ยวกับการยอมจำนนของกองทหารยูเครน ข้อมูลของเรายังระบุด้วยว่ารัสเซียมีแผนที่จะขู่ฆ่าสมาชิกในครอบครัวของทหารยูเครนหากพวกเขาไม่ยอมแพ้” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว
บทความข่าวของรัสเซียยังทำให้สถานการณ์อันตรายที่ประชาชนในยูเครนกำลังประสบนั้นดูเบาลงมาก บทความหลายชิ้นย้ำคำกล่าวอ้างของกระทรวงกลาโหมที่ว่าจะโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร และพลเรือนยูเครนจะไม่เป็นอันตราย บทความหนึ่งของสำนักข่าว TASS ระบุว่า “ตามที่กระทรวงกลาโหมของสหพันธรัฐรัสเซียแถลง กองทัพรัสเซียไม่ได้โจมตีเมืองต่างๆ เราเพียงแต่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานทางการทหารได้รับความเสียหาย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดคุกคามพลเรือนยูเครน” ในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวว่าพลเรือนจำนวนหนึ่งถูกสังหาร ด้านบทความจากสำนักข่าว Interfax ของรัสเซีย ยังได้อ้างคำกล่าวของปูตินที่ว่า กองกำลังของยูเครนกำลังใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ โดยที่ไม่มีหลักฐานมายืนยันคำกล่าวอ้าง
นอกจากนี้สื่อรัสเซียยังอ้างเหตุผลในการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ พร้อมทั้งสร้างภาพให้รัสเซียเป็นพระเอก ยูเครนกลายเป็นผู้ร้าย โดยระบุว่า รัฐบาลยูเครนเป็น ‘เผด็จการ’ และรัฐบาลรัสเซียไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโจมตียูเครน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเซเลนสกีได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่มีการแข่งขันอย่างเสรีและเชื่อถือได้ ตามที่ Freedom House ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ ได้อธิบายไว้
สื่อหลายสำนักได้อ้างคำกล่าวของรัฐมนตรีข่าวรัสเซีย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทำสงครามของปูตินว่า เพื่อกำจัดลัทธินาซี ทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่ารัฐบาลยูเครนสนับสนุนอุดมการณ์นาซี และข้อกล่าวอ้างนี้ยิ่งดูผิดที่ผิดทาง เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ประธานาธิบดีเซเลนสกีเป็นชาวยิว และสูญเสียสมาชิกในครอบครัวจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าการรายงานข่าวของสื่อรัสเซียจะชวนเชื่อประชาชนในประเทศได้หรือไม่ หรือมากน้อยเพียงใด แต่การไร้ซึ่งสื่อเสรีย่อมเป็นอุปสรรคชิ้นโตสำหรับชาวรัสเซียที่มีวิจารณญาณและหวังที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศ
ภาพ: Alexander Reka / TASS via Getty Images
อ้างอิง: