วันนี้ (3 มีนาคม) สำนักข่าว AFP รายงานว่า เวียเชสลาฟ เชาส์ ผู้ว่าการภูมิภาคเชอร์นิฮีฟของยูเครนระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บอีก 4 ราย หลังจากกองกำลังรัสเซียเข้าโจมตีย่านที่อยู่อาศัย รวมถึงโรงเรียนในเมืองเชอร์นิฮิฟ ทางตอนเหนือของยูเครน
“เครื่องบินของรัสเซียยังโจมตีโรงเรียนสองแห่งในพื้นที่ สตารายา โพดูซิฟกา (ของเมืองเชอร์นิฮิฟ) และบ้านส่วนตัว เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังทำงานอยู่ในพื้นที่นั้น” เชาส์กล่าวบนแอปฯ เทเลแกรม
“ตามรายงานของหน่วยฉุกเฉิน มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 4 ราย” เขากล่าวเสริม และยังได้โพสต์วิดีโอของหน่วยกู้ภัยฉุกเฉินที่ทำงานอยู่ในซากปรักหักพังของอาคารที่ถูกทำลายอย่างหนัก
นับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียระบุว่าไม่ได้กำหนดเป้าหมายพื้นที่พลเรือน ขณะที่ยูเครนกล่าวว่าพลเรือนอย่างน้อย 350 ถูกสังหารตั้งแต่มีการเริ่มการโจมตี และการโจมตีดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนและรัสเซียรวมตัวกันเพื่อเจรจาหยุดยิงที่ชายแดนเบลารุส-โปแลนด์ในวันนี้
ขณะที่อีกจุดหนึ่งของยูเครนที่เมืองมาริอูโปล นายกเทศมนตรีอย่างวาดิม บอยเชนโก ก็ระบุในการแถลงว่าทหารรัสเซียกำลังหาทางปิดล้อมเมืองดังกล่าว และหยุดการจัดหาไฟฟ้า อาหาร น้ำ ความร้อน และการขนส่ง
“คนพวกนี้หาทางทำลายเราไม่ได้ ดังนั้นตอนนี้พวกเขากำลังพยายามป้องกันไม่ให้เราซ่อมไฟฟ้า น้ำประปา และระบบทำความร้อน” บอยเชนโกกล่าว และเสริมว่ากองทหารรัสเซียก็สร้างความเสียหายให้กับทางรถไฟด้วย
“พวกเขาทำลายรถไฟเพื่อให้เราไม่สามารถอพยพผู้หญิง เด็ก และคนชราของเราได้” เขากล่าวเสริม
มาริอูโปล เมืองท่าสำคัญของประชากรราว 400,000 คนทางตะวันออกของยูเครน ถูกทิ้งให้ไม่มีน้ำและไฟฟ้าใช้ในช่วงฤดูหนาว
ภาพ: State Emergency Service of Ukraine/Handout/Anadolu Agency via Getty Images (ควันที่เกิดขึ้นจากการที่อยู่อาศัยพลเรือนซึ่งเสียหายหลังจากการโจมตีของรัสเซียในเชอร์นิฮีฟ)
อ้างอิง: AFP