เอเซีย พลัส จับมือ FWD ประกันชีวิต ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจ ยกระดับบริการด้านการลงทุนและคุ้มครองชีวิต ประเมินหุ้นไทยมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับ 1,800 จุด จากแรงซื้อหนุนของผู้ลงทุนต่างชาติ
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และ บล.เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของเอเซีย พลัส ในการต่อยอดการให้บริการเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับลูกค้า โดยการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ FWD ประกันชีวิต ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตที่ให้บริการทางด้านการวางแผนความคุ้มครองทั้งชีวิตและสุขภาพ ที่จะมาช่วยเสริมศักยภาพด้านการบริหารความเสี่ยงในการดูแลทางการเงินและความคุ้มครองชีวิตแบบครบวงจร
“เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และเครือข่ายการลงทุนที่มีครอบคลุมทั่วโลกของเอเซีย พลัส ผสานกับจุดแข็งของ FWD ประกันชีวิต ที่มีความโดดเด่นทั้งด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ มั่นใจว่าทั้ง 2 บริษัทจะสามารถส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและตรงความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ทุกคนสามารถบรรลุเป้าหมายในชีวิต การเงิน ไปจนถึงการสร้างความมั่งคั่งได้อย่างดีที่สุด” ดร.ก้องเกียรติกล่าว
ผลิตภัณฑ์แรกที่จะเสนอขายภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้คือ Asia Plus x FWD Infinite Wealth (เอเซีย พลัส x เอฟดับบลิวดี อินฟินิท เวลท์) โดยเป็นแบบประกันที่ให้อิสระในการกำหนดสัดส่วนความคุ้มครองชีวิตและการออกแบบพอร์ตการลงทุนตามเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการ โดยมีเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 500,000 บาทต่อปี ให้ความคุ้มครองสูงถึง 50 เท่า และชำระเบี้ยประกันภัยสั้นเพียง 5 ปี ต่างจากแบบประกันอื่นๆ ที่ต้องจ่ายเบี้ยถึงอายุ 99 ปี นอกจากนี้ยังสามารถขอต่ออายุกรมธรรม์ได้ทุก 15 ปี สับเปลี่ยนกองทุนได้โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และปรับเปลี่ยนความคุ้มครองชีวิตได้ตามต้องการ
สำหรับลูกค้าเอเซีย พลัส ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ Asia Plus x FWD Infinite Wealth ภายในวันที่ 15 เมษายน 2565 จะได้รับความเอ็กซ์คลูซีฟในการเลือกลงทุนในกองทุนคุณภาพ นอกเหนือจากกองทุนที่ FWD ประกันชีวิตมีอยู่ใน Universe ทางเลือกการลงทุนโดยกองทุนพิเศษ 2 กองทุนรวม จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แอสเซท พลัส จำกัด ได้แก่ กองทุนเปิดแอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) และกองทุนเปิดแอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท (ASP-VIET)
ทั้งนี้ กองทุนเปิดแอสเซทพลัส อีโวลูชั่น ไชน่า อิควิตี้ (ASP-EVOCHINA) มีจุดเด่นคือ เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นเติบโตระยะยาวของจีนที่จับเทรนด์เศรษฐกิจยุคใหม่ โดยได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการบริโภคที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผสมผสานการลงทุนในกองทุนรวม Active Fund ผ่าน T.Rowe Price China Evolution Equity Fund รวมถึงการลงทุนตรงในหุ้น และกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่ได้รับประโยชน์จากจีนยุคใหม่
ส่วนกองทุนเปิดแอสเซทพลัส เวียดนาม โกรท (ASP-VIET) เป็นกองทุนที่มีการบริหารจัดการแบบเชิงรุก (Active Management) เช่นกัน โดยลงทุนในกองทุนรวม Dragon Capital Vietnam Equity Fund กองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่ลงทุนในประเทศเวียดนาม และลงทุนตรงในหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของประเทศเวียดนาม ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศที่มีเป้าหมายจะอัปเกรดจากตลาดชายขอบ (Frontier Market) ไปสู่ตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ถือเป็นดาวเด่นที่น่าจับตามองแห่งอาเซียน
ทางด้าน เดวิด โครูนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD ประกันชีวิต เปิดเผยว่า ในความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ บริษัทกับเอเซีย พลัส จะร่วมกันส่งมอบบริการที่ครบจบในที่เดียว ทั้งการดูแลบริหารการเงิน บริหารความเสี่ยง และความคุ้มครองชีวิต เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีความสดใหม่ให้กับลูกค้า และเดินตามวิสัยทัศน์ของ FWD ประกันชีวิต ที่จะเปลี่ยนมุมมองของผู้คนที่มีต่อการประกันชีวิตต่อไป
หวังได้จากธุรกิจเวลท์มากกว่า 50% ระยะยาว
ก้องเกียรติกล่าวเพิ่มว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมีแผนจะเสนอขาย Private Equity Fund เพิ่ม ซึ่งจะเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในสตาร์ทอัพประเทศอิสราเอล ซึ่งกลุ่มบริษัทมีความเชี่ยวชาญในตลาดนี้ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกัน จะมองหาช่องทางขยายฐานรายได้เพิ่มในทุกๆ ธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่เพื่อสร้างการเติบโตระยะยาว โดยคาดหวังว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ Wealth Management จะเพิ่มเป็นมากกว่า 50% ของรายได้รวมในอนาคต
ปัจจุบัน เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ดำเนินธุรกิจ 4 ประเภท ประกอบด้วย ธุรกิจ Brokerage, ธุรกิจ Venture Capital, ธุรกิจ Asset Management และธุรกิจ Investment Banking
มอง ‘หุ้นเวียดนาม-จีน’ น่าสนใจระยะยาว
คมสัน ผลานุสนธิ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่สายการตลาดและผลิตภัณฑ์ บลจ.แอสเซท พลัส กล่าวว่า ในระยะยาวมองว่าตลาดหุ้นจีนและเวียดนามมีความน่าสนใจอย่างมาก โดยตลาดหุ้นปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากตั้งแต่ปีที่แล้ว สาเหตุหลักมาจากการเข้มงวดด้านกฎระเบียบและนโยบายของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม ในเชิงพื้นฐานเศรษฐกิจแล้ว GDP ของประเทศจีนยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะไม่เติบโตอย่างร้อนแรงเหมือนในอดีตก็ตาม และด้วยการดำเนินนโยบายของรัฐบาลจีนดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เสมอภาคมากขึ้นในระยะยาว อีกทั้งรัฐบาลจีนยังสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกลดลง
สำหรับตลาดหุ้นเวียดนาม มีความน่าสนใจในด้านการเติบโตของ GDP ซึ่งคาดว่าจะเติบโตในกรอบ 5-7% ได้ต่อเนื่องในระยะ 5 ปีจากนี้ ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นเวียดนามยังเป็นเป้าหมายการลงทุนอันดับต้นๆ ของเม็ดเงินลงทุนในต่างประเทศด้วย
“ในส่วนของความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากสงครามรัสเซียและยูเครน ผลกระทบต่อตลาดทุนทั่วโลกคือสินทรัพย์ถูกขาย เม็ดเงินไหลเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย และสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าความผันผวนน่าจะจบลงในระยะ 1 เดือนจากนี้ ซึ่งน่าจะไม่ทำให้เกิดความเเสียหายต่อเศรษฐกิจโลกมาก แต่จะมีการ Reallocate ด้านการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดต่างๆ” คมสันกล่าว
สำหรับหุ้นไทย ยังเชื่อว่า EPS ยังเติบโตได้ แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แต่ก็เชื่อว่าผู้บริหาร บจ. ของไทยจะสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงได้ ส่วนแนวโน้ม SET Index มีแนวโน้มไต่สู่ระดับ 1,800 จุดได้ โดยมีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติมาช่วยสนับสนุน