เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนทั่วโลกกำลังจับตามองกับ ‘Museum of the Future’ พิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ล่าสุดในดูไบ ที่จะชวนผู้ชมไปสัมผัสบรรยากาศการจำลองประเทศดูไบในปี 2071 หรือระยะเวลา 1 ศตวรรษหลังจากจัดตั้งประเทศใหม่ในชื่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะพร้อมเปิดให้เข้าชมในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2022 (22/2/22) เป็นวันแรก หลังจากดำเนินการก่อสร้างมาเป็นระยะเวลาเกือบ 6 ปีนับตั้่งแต่เดือนมิถุนายนปี 2016
สำหรับ Museum of the Future ตั้งอยู่บนถนน Sheikh Zayed หรือถนนที่รู้จักกันดีในนามของถนนเส้นที่ยาวที่สุดใน UAE ถือเป็นโลเคชันที่เหมาะเจาะต่อการสร้างแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของประเทศ โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ยังได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต’ (Living Museum) หรือสถานที่ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์ทดสอบในการสร้างนวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาทางสังคมของเหล่าคนรุ่นใหม่ในประเทศนี้อีกด้วย
นอกจากนี้เอง Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum รองประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และผู้ปกครองของดูไบ ได้กล่าวถึง Museum of the Future ไว้ว่า ‘เป็นอาคารที่สวยที่สุดในโลก’ ด้วยเช่นกัน
พิพิธพันธ์แห่งนี้มีความสูง 77 เมตรจากพื้นดิน โดยได้สถาปนิก Shaun Killa จากสตูดิโอ Killa Design มาเป็นผู้ออกแบบ ซึ่งสตูดิโอแห่งนี้มีประสบการณ์ด้านสถาปัตยกรรมของดูไบมาเป็นเวลานานอย่าง ‘Bahrain World Trade Center’ อาคารออฟฟิศและห้างที่มีความสูงกว่า 240 เมตรจากพื้นดิน และอีกหลากหลายโปรเจกต์ที่มาพร้อมกับดีไซน์สุดล้ำสมัยที่กำลังดำเนินการอยู่ ผลงานการออกแบบเหล่านี้ทำให้หลายคนรู้สึกตื่นเต้นกับการเปิดตัวของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอย่างมาก
คอนเซปต์การออกแบบ Museum of the Future ของ Shaun Killa ในครั้งนี้ แฝงไปด้วยสัญลักษณ์และความหมายที่ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวอาคารให้มีรูปทรงกลม (Circular Design) แทนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ เนินดินสีเขียวที่หมายถึงโลก รวมไปถึงช่องว่างตรงกลางที่ถูกออกแบบให้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่สามารถล่วงรู้ได้นั่นเอง
#ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของอาหรับ (Arab Renaissance)
เมื่อพูดถึงสถาปัตยกรรมภายนอก หรือด้านหน้าของพิพิธภัณฑ์ (Facade) เราจะสามารถเห็นได้ชัดเจนว่าตัวอาคารที่งดงามแห่งนี้กำลัง ‘สื่อสารเป็นภาษาอาราบิก’ ผ่านการประดิษฐ์ตัวอักษรภาษาอาหรับประดับโครงสร้างจากแผงจำนวนกว่า 1,024 แผ่น ซึ่งข้อความเหล่านี้ประกอบไปด้วย 3 คำพูดของ Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum มีเนื้อความว่า
“เราอาจอยู่ได้ไม่ถึงร้อยปี แต่ผลงานจากความคิดสร้างสรรค์ของเราสามารถทิ้งมรดกไว้ได้นานหลังจากที่เราไม่อยู่”
“อนาคตเป็นของผู้ที่สามารถจินตนาการได้ ออกแบบมัน และดำเนินการตามนั้น”
และ “อนาคตไม่รอช้า อนาคตสามารถออกแบบและสร้างได้ในวันนี้”
แสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ของอาหรับในการฟื้นคืนความเป็นเลิศ ทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ การวิจัย สู่การฟื้นฟูอารยธรรมอาหรับและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอีกด้วย
นอกจากความสูงกว่า 77 เมตร และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของตัวอาคาร โครงสร้างของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ยังถูกสร้างขึ้นร่วมกับการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotic Technology) และเน้นคอนเซปต์ของความยั่งยืนด้วยการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์กว่า 4,000 เมกะวัตต์ด้วยเช่นกัน
#แล้วมีอะไรอยู่ข้างในนี้?
แม้ว่าจะยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับตัวนิทรรศการ การแสดง หรือสิ่งที่จะถูกจัดขึ้นอยู่ด้านในพิพิธภัณฑ์ออกมาให้เราได้รู้อย่างแน่ชัด แต่ทางเว็บไซต์ของ Museum of the Future ก็ยังมีข้อมูลเบื้องต้นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มาให้เราได้ดูกันเป็นน้ำจิ้ม
โดยในเว็บไซต์ได้ระบุถึงกิจกรรมในแต่ละชั้นที่จะมีลักษณะเหมือนฉากภาพยนตร์ (Film Set) ตามคอนเซปต์ ‘a future that you can inhabit, explore and interact with.’ ซึ่งในแต่ละชั้นก็จะมีเนื้อหาและหัวข้อที่ได้รับการพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละสาขา ให้ผู้เข้าชมได้สามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของนิทรรศการและกิจกรรม พร้อมทั้งสามารถสำรวจ โต้ตอบ หรือถามคำถามผ่านเทคโนโลยีเสมือนจริงได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหัวข้ออย่างอนาคตของการเดินทางและการใช้ชีวิตบนอวกาศ (The Future of Space Travel and Living), การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และนิเวศวิทยา (Climate Change and Ecology), สุขภาพ (Health) รวมไปถึงความสุของค์รวมและจิตวิญญาณ (Wellness and Spirituality)
Museum of the Future เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถจองตั๋วได้แล้ววันนี้ทาง https://museumofthefuture.ae/en โดยค่าเข้าชมสำหรับบุคคลทั่วไป (อายุ 3 ปีขึ้นไป) จะมีราคาอยู่ที่ 145.00 เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือประมาณ 1,270.64 บาท และสำหรับผู้เข้าชมที่มีอายุต่ำกว่า 3 ปี ประชาชน UAE ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมไปถึงบุคคลที่ได้รับข้อยกเว้น สามารถจองตั๋วเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ภาพ: Courtesy of killadesign.com
อ้างอิง: