กระตุ้นต่อเนื่อง! ‘แบงก์ชาติจีน’ อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอีก 1 แสนล้านหยวน ดันหุ้นจีนพุ่งสูงกว่าภูมิภาค

แบงก์ชาติจีนฉีดเงินเข้าระบบอีกกว่า 1 แสนล้านหยวน หวังพยุงเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง หนุนดัชนีหุ้นจีนพุ่งสวนทางตลาดอื่นในภูมิภาค ด้านนักเศรษฐศาสตร์มั่นใจ จีนยังมีกระสุนนโยบายการเงินเหลืออีกเพียบ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นเดือนที่สองติดต่อกันเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

โดยในรอบนี้ PBOC เลือกฉีดเงินสดจำนวน 1 แสนล้านหยวน หรือ 1.57 ล้านดอลลาร์ ผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลางของธนาคารพาณิชย์ โดยยังคงดอกเบี้ยกู้ยืมไว้ที่อัตราเดิม

การอัดฉีดสภาพคล่องของ PBOC ในครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีหุ้นจีนปรับตัวดีขึ้นเหนือกว่าดัชนีหุ้นของประเทศอื่นในภูมิภาค โดยดัชนี CSI300 ปรับเพิ่มขึ้น 0.9% มาอยู่ที่ระดับ 4,594.22 จุด ขณะที่ดัชนี SSEC ปรับเพิ่มขึ้น 0.4% มาอยู่ที่ระดับ 3,442.51 จุด

ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ธนาคารจีนหลายแห่งมีอัตราการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้นเป็นสถิติหลังจากที่ PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020 โดยในวันที่ 17 มกราคม PBOC ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปี หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.1% สู่ระดับ 2.85%

ถัดมาอีก 3 วัน PBOC ได้ประกาศปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี หรือ Loan Prime Rate (LPR) ประเภท 1 ปี ลง 0.10% สู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.80% และปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ลง 0.05% สู่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.65% โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี

“การอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบครั้งล่าสุดนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า PBOC ยังคงเต็มใจที่จะรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอและทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อต่อไป” Zhi Xiaojia นักเศรษฐศาสตร์ของ Credit Agricole CIB ในฮ่องกง ระบุ

Zhi Xiaojia เชื่อว่า PBOC ยังมีกระสุนทางนโยบายที่สามารถใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกหลากหลายรูปแบบในช่วงครึ่งปีแรกนี้ เช่น การปรับลดอัตราส่วนการกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และการลดดอกเบี้ยนโยบาย หากแรงกดดันจากภาคอสังหาและตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนยังออกมาดูแย่กว่าที่คาด

อย่างไรก็ดี การสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg ยังพบว่านักเศรษฐศาสตร์ 16 คน จาก 27 คน ยังมีมุมมองว่า PBOC จะตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปี หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เหมือนเดิม เพื่อรอดูผลจากมาตรการที่ออกมาแล้วก่อน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH