หุ้นวอลล์สตรีทคึกคัก ดัชนีแนสแด็กพุ่ง 2% นักลงทุนแห่ซื้อเก็งกำไร ก่อนรอลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อ

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ขยับปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สอง โดยได้แรงหนุนจากการเข้าช้อนซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น บวกกับการซื้อขายในกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง (Growth Stock) พร้อมจับตารายงานผลตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนมกราคม

โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ขยับปรับตัวเพิ่มขึ้น 305.28 จุด หรือ 0.86% ปิดที่ 35,786.06 จุด ชณะที่ ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 65.64 จุด หรือ 1.45% ปิดที่ 4,587.18 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 295.92 จุด หรือ 2.08% ปิดที่ 14,490.37 จุด

อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายยังเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนจับตาข้อมูลราคาผู้บริโภคที่จะเผยแพร่ออกมาในวันพฤหัสบดีนี้ (10 กุมภาพันธ์) ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลังตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ก่อความกังวลว่า Fed อาจเคลื่อนไหวเชิงรุกกว่าเดิม

ด้านราคาทองคำเมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ปิดตลาดในแดนบวก หลังสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าและผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลง โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 8.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,836.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ในส่วนของราคาน้ำมันก็มีการขยับเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสงวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ ปิดที่ 89.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 77 เซนต์ ปิดที่ 91.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นเมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ขยับขึ้นส่วนหนึ่งเป็นผลจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ในวันพุธ (9 กุมภาพันธ์) พบคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศลดลงถึง 4.8 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เหลือ 410.4 ล้านบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2018 ขณะที่อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน

ภายใต้สถานการณ์ที่หนุนให้ราคาน้ำมันขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักกลยุทธ์กลุ่มหนึ่งออกมาคาดการณ์ว่า หากรัสเซียเดินหน้าบุกรุกโจมตียูเครน ก็มีสิทธิ์ที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้จะพุ่งทะลุแตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

การคาดการณ์ครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเบรนต์งวดส่งมอบเดือนเมษายนเมื่อวานนี้ (9 กุมภาพันธ์) ขยับปรับขึ้นมาอยู่ที่ราว 90.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบมีการทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมา ซึ่งขณะนั้นราคาน้ำมันในตลาดโลกซื้อขายกันอยู่ที่ราคาต่ำกว่า 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ เดวิด รอช (David Roche) นักยุทธศาสตร์รุ่นเก่า แสดงความเห็นผ่านการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ระบุว่า ราคาน้ำมันมีโอกาสขยับพุ่งขึ้นแตะ 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลแน่นอน หากว่ารัสเซียเดินหน้ารุกรานยูเครน เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะทำให้รัสเซียเผชิญกับการคว่ำบาตรจากนานาประเทศ จนกระทบต่อการส่งออกน้ำมันและถ่านหินของรัสเซีย ทำให้ซัพพลายลดลงขณะที่ดีมานด์กำลังขยับขึ้นตามแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก

อ้างอิง:

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH