รัสเซียกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าโหมกระพือวิกฤตชายแดนยูเครนให้ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเตรียมจัดประชุมเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ตึงเครียด
โฆษกเครมลิน ดิมิทรี เปสคอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ว่า วอชิงตันและสื่อสหรัฐฯ กระพือข่าวให้เกิดความหวาดกลัวว่ารัสเซียจะรุกรานยูเครน
“เรารู้สึกผิดหวังและตกตะลึงที่สื่ออเมริกันเผยแพร่ข้อมูลจำนวนมากที่ไม่ได้รับการตรวจสอบ บิดเบือน และจงใจหลอกลวงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนและบริเวณโดยรอบ” เปสคอฟกล่าว
“ความหวาดกลัวที่ถูกกระพือโดยวอชิงตันกำลังก่อให้เกิดความหวาดกลัวในยูเครน” เปสคอฟกล่าว พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นกรณีที่มีข่าวว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ไม่เห็นด้วยกับผู้นำสหรัฐฯ เกี่ยวกับระดับภัยคุกคามจากรัสเซีย
ในการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำทั้งสองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครนได้เปิดเผยกับ CNN ว่าเป็นการพูดคุยที่ “ยาวนานและตรงไปตรงมา” ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เตือนประธานาธิบดียูเครนว่าการโจมตีของรัสเซียใกล้เข้ามาทุกขณะ อย่างไรก็ตามเซเลนสกีย้ำจุดยืนของเขาว่า ภัยคุกคามจากรัสเซียยังคง “อันตรายแต่คลุมเครือ” และไม่แน่ใจว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นหรือไม่
ขณะที่ในวันจันทร์ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีกำหนดที่จะประชุมร่วมกัน เพื่อหารือเกี่ยวกับวิกฤตยูเครน
ทั้งนี้สหรัฐฯ เรียกร้องให้มีการจัดประชุมดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการประชุมแรกของสหประชาชาติที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และรัสเซียจะได้มาชี้แจงว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้
สมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคง “ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างซื่อตรง และพิจารณาว่าสิ่งใดเป็นความเสี่ยงหรืออันตรายสำหรับยูเครน สำหรับรัสเซีย สำหรับยุโรป และสำหรับพันธกรณีและหลักการของระเบียบสากล หากรัสเซียเดินหน้าบุกยูเครน” ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ กล่าวพร้อมเสริมว่า “นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมารอดูกันอีกแล้ว”
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ แต่ละประเทศมี 1 เสียง และมีหน้าที่รับผิดชอบ “ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” เว็บไซต์ของสหประชาชาติระบุ
คณะมนตรีความมั่นคง “เรียกร้องให้คู่กรณีที่มีข้อพิพาทระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี และแนะนำวิธีการในการระงับข้อพิพาท” ข้อความบนเว็บไซต์ระบุ “ในบางกรณีคณะมนตรีความมั่นคงอาจใช้มาตรการคว่ำบาตร หรือแม้แต่อนุญาตให้ใช้กำลัง เพื่อรักษาหรือฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ” ซึ่งทุกประเทศสมาชิกของสหประชาชาติต้องปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีฯ
ภาพ: Russian Defence Ministry / Handout/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: