อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงชัดเจน โดยหลายสำนักวิจัยคาดการณ์ว่า GDP จีนปีนี้จะขยายตัวได้ราว 5% ลดลงจากปีก่อนที่ GDP ขยายตัวได้ 8.1% ซึ่งตัวเลข 5% ถือเป็นตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนที่ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
อาร์มกล่าวว่า การชะลอตัวดังกล่าวเกิดจากนโยบายของรัฐบาลจีนที่ต้องการป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดวิกฤตการเงินในอนาคต โดยเฉพาะการเข้ามาจำกัดเพดานหนี้ของภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบางสำนักประเมินว่า อาจคิดเป็นสัดส่วนถึง 30% ของ GDP จีน
“ภาคอสังหาจีนมีขนาดที่ใหญ่มาก คล้ายกับที่ภาคท่องเที่ยวมีผลต่อเศรษฐกิจไทย การที่จีนพยายามหยุดความเสี่ยงจากภาวะฟองสบู่ในภาคนี้เพื่อป้องกันวิกฤตในอนาคต เขาต้องแลกกับเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลง” อาร์มกล่าว
อาร์มกล่าวต่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนอาจมองว่าฝั่งสหรัฐฯ ในเวลานี้มีความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมหาศาลในช่วงโควิด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน จนส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงแทบทุกประเภทขยับขึ้นไปทำ All Time High หมด
“ไม่มีใครรู้ว่าฟองสบู่นี้จะแตกเมื่อไร แต่ความเสี่ยงที่สูงขึ้นนี้อาจทำให้จีนกังวลว่า หากเกิดวิกฤตขึ้นในสหรัฐฯ ในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า ก็อาจลามมาเกิดวิกฤตในจีนได้ จึงรีบจัดการความเสี่ยงภายในด้านต่างๆ เสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงในอนาคตได้ดีขึ้น” อาร์มกล่าว
อาร์มกล่าวอีกว่า โจทย์ที่จีนพยายามทำในเวลานี้คือ การลดความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในระยะยาว แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจในระยะสั้นชะลอตัว จึงต้องดูแลและประคองเศรษฐกิจไม่ให้เกิด Hard Landing ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่การดำเนินนโยบายการเงินของจีนในเวลานี้อยู่ในทิศทางตรงข้ามกับสหรัฐฯ ทั้งการลดดอกเบี้ยและเติมสภาพคล่องเข้าไปในระบบ
นริศ สถาผลเดชา หัวหน้าศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีทีบี (ttb Analytics) กล่าวว่า หนึ่งในโจทย์สำคัญที่รัฐบาลจีนพยายามทำอยู่ในเวลานี้คือ การดูแลการเติบโตทางเศรษฐกิจให้สะท้อนความจริงมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาที่มีสัญญาณมายาวนานแล้ว
“หากดูจากท่าทีของทางการจีนในการรับมือกับวิกฤตในภาคอสังหา ช่วงแรกคงไม่มีใครคิดว่าจีนจะยอมให้ผู้เล่นรายใหญ่เกิดปัญหา แต่เขาก็ทำ ซึ่งสะท้อนว่าจีนกำลังพยายามปล่อยลมออกจากลูกโป่งให้ค่อยๆ ฟีบลง แต่ก็ต้องประคองไม่ให้ลูกโป่งแตกด้วย” นริศกล่าว
นริศกล่าวว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินผ่านการลดดอกเบี้ยของจีนล่าสุดถือเป็นตัวช่วยประคองไม่ให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงแรงเกินไปจนเกิด Hard Landing เนื่องจากขณะนี้ GDP ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน โดยมีความเป็นไปได้ที่ในปีนี้อาจขยายตัวได้เพียง 4.8%
นริศมองว่า เป้าหมายระยะยาวของจีนคือ การทำให้เศรษฐกิจมีขนาดใหญ่แซงหน้าสหรัฐฯ ทำให้ขณะนี้จีนพยายามลดความเสี่ยงที่จะเกิดวิกฤตและดูแลการเติบโตให้ยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากการประกาศนโยบายของจีนล่าสุดที่ไม่มีการกำหนดเป้าหมาย GDP ในปีถัดๆ ไปเหมือนในอดีตแล้ว
“ทุกอย่างเป็นแผนที่วางเอาไว้แล้ว จีนคงพยายามจัดการปัญหาความเสี่ยงต่างๆ ทีละเรื่อง ตอนนี้เป็นภาคอสังหา หลังจากนี้เรื่องปัญหาหนี้ที่สูงในภาครัฐวิสาหกิจน่าจะตามมา เมื่อแก้ปัญหาเสร็จ การกระจายตัวทางเศรษฐกิจของจีนน่าจะดีขึ้น แต่เราอาจไม่ได้เห็นการโตแบบตัวเลขสองหลักเหมือนในอดีต” นริศกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP