เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวานนี้ (13 มกราคม 2565) บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) ได้เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2565 โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 3.1 หมื่นล้าน (เพิ่มขึ้น 8.3%YoY) โดย 93% เกิดจากโครงการแนวราบ (เติบโต 4%YoY) และ 7% เกิดจากคอนโดมิเนียม (เติบโตสูงถึง 159%YoY) โครงการเปิดใหม่ทั้งหมดในปี 2565 จะมีจำนวน 15 โครงการ
โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก 1 โครงการ มูลค่ารวม 2.95 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50%YoY) ในแง่ของทำเลที่ตั้ง โครงการเปิดใหม่ 83% จะอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และที่เหลืออีก 17% จะอยู่ในจังหวัดอื่นๆ บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ในตลาดทุกกลุ่มยกเว้นกลุ่มซูเปอร์ลักชัวรี
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (14 มกราคม 2565) ราคาหุ้น LH ปรับตัวขึ้น 2.29%DoD สู่ระดับ 8.95 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS ได้ทำการปรับประมาณการกำไรปี 2564 เพิ่มขึ้น 5% เพราะยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่สูงกว่าคาดใน 4Q64 โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบ้านเดี่ยว ขณะที่กำไรสุทธิ 4Q64 คาดการณ์ที่ 1.87 พันล้านบาท ลดลง 22.6%YoY แต่เพิ่มขึ้น 43.5%QoQ
มุมมองระยะยาว:
SCBS มีมุมมองต่อ LH ที่ตั้งเป้ายอดขายปี 2565 เติบโต 8.3%YoY สูงที่สุดในรอบ 3 ปี ว่ามีโอกาสสูงที่บริษัทจะทำได้สำเร็จตามเป้า โดยได้รับการสนับสนุนจาก
- การเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 50% โดย 97% เป็นโครงการแนวราบ และ 3% เป็นคอนโดมิเนียม
- การผ่อนคลายมาตรการ LTV
- โครงการหลากหลายกลุ่ม
- ความภักดีต่อแบรนด์
ขณะที่กำไรในปี 2565 คาดว่าจะเติบโต 17% โดยมี Upside จากการขายสินทรัพย์คืออพาร์ตเมนต์ในสหรัฐอเมริกา ‘Parc’ ในเมืองเมืองแคมป์เบลล์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ใน 2Q65 โดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายสุทธิอย่างน้อย 1 พันล้านบาทเข้ามา
ส่วนการผ่อนคลายเพดาน LTV เป็น 100% สำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย SCBS มองจะส่งผลบวกต่อกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยคาดว่าจะช่วยหนุนให้เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 10-15% และคาดราคาที่อยู่อาศัยจะปรับเพิ่มขึ้นในปี 2565 รวมถึงการระบายสต๊อกที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดมิเนียมจะทำได้ดีขึ้น
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP