การเป็นแบรนด์ลักชัวรีระดับโลก มีชื่อเสียง เป็นที่ต้องการของผู้คนจำนวนมาก และได้รับการยอมรับถึงคุณภาพที่ดีของผลิตภัณฑ์ เต็มไปด้วยนวัตกรรมจำนวนมหาศาล ย่อมทำให้องค์กรของคุณ ‘เนื้อหอม’ และเป็นสถานที่ทำงานในฝันที่คนทำงานและบุคลากรส่วนใหญ่ก็อยากจะมาร่วมงานด้วย
แต่ในยุคสมัยที่ทุกอย่างพร้อมจะผันผวนรายวินาที มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกครั้งที่เรากะพริบตา การมีแค่องค์ประกอบข้างต้นอาจ ‘ไม่เพียงพอ’ อีกต่อไป โดยเฉพาะถ้าคุณต้องการที่จะดึงดูดทาเลนต์ใหม่ๆ ให้ตบเท้าเข้าสู่องค์กรควบคู่ไปกับรักษาทาเลนต์ที่อยู่ในองค์กรให้พร้อมก้าวเดินไปในอัตราเร่งที่เปลี่ยนแปลงไปกับองค์กร
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในองค์กรและแบรนด์ที่สามารถทำสิ่งเหล่าน้ันได้สำเร็จ โดยได้รับรางวัล ‘บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในเอเชีย’ จาก HR Asia ด้วยคะแนนผลสำรวจในระดับสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยมาตรฐานจากบริษัทที่เข้าร่วมกว่า 260 บริษัทในประเทศไทย ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย เป็นเพียงบริษัทเดียวในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ที่ได้รับรางวัลนี้ โดยรางวัลนี้จะมอบให้เฉพาะองค์กรที่มีวิธีบริหารจัดการดูแลบุคลากรในบริษัทที่ดีที่สุด (Best HR Practices) มีกระบวนการสร้างความมีส่วนร่วม (Engagement) กับพนักงานในบริษัทที่ดี และแน่นอนว่าต้องมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดีด้วย
คำถามสำคัญก็คือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีวิธีการอย่างไรที่ทำให้พวกเขาสามารถยืนหยัดดูแลบุคลากรจำนวนมาก นับตั้งแต่ที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยยาวนานกว่า 50 ปี จนก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในองค์กรที่คนทำงานในประเทศไทยอยากร่วมงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2021 ได้อย่างน่าชื่นชม
คุณลักขณา สุขทอง ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย อธิบายว่า “บริษัทฯ เชื่อมั่นในคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์ และคุณค่านั้นเกิดจากการทำงานที่เปิดรับมุมมองและความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อก่อให้เกิดการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมถึงยังส่งพลังบวกซึ่งกันและกันในทุกๆ วัน ไม่เลือกปฏิบัติ มีการสื่อสารที่ชัดเจน โปร่งใส ผ่านช่องทางที่หลากหลายโดยปราศจากลำดับขั้นของตำแหน่ง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่บริษัทสนับสนุนการมีส่วนร่วมและการปลูกฝังวัฒนธรรมการยอมรับความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) ถือเป็นพันธสัญญาหลักสำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย และเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เรามุ่งเน้นในการพัฒนาบุคลากรและเตรียมเสริมสร้างศักยภาพที่จำเป็นต้องมี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับแผนธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ และเป็นแรงผลักดันให้บริษัทก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความสำเร็จแบบยั่งยืน ซึ่ง Digitalization เป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก”
เชื่อมั่นในแนวคิด Work-Life Flexibility แล้วต่อยอดด้วยการสร้าง Engagement ซึ่งกันและกัน
พนักงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย มีทางเลือกที่หลากหลายด้านชีวิตการทำงาน เพื่อให้การทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัวสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ เป็นองค์กรแรกๆ ในประเทศไทยที่เริ่มต้นกำหนดนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working Arrangement) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว (Work-Life Balance) เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนสถานการณ์โควิด โดยนโยบายดังกล่าวนี้ประกอบไปด้วยชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Working Hours), การสร้างรูปแบบการทำงานที่มาพร้อมคอนเซปต์การทำงานที่ไหนก็ได้ ขอเพียงให้ได้ประสิทธิภาพในการทำงานเทียบเท่ากับการทำงานที่สำนักงาน (Remote Working) และการขอลาหยุดงานในช่วงระยะเวลาที่กำหนด (Sabbatical Leave) เพื่อเอื้อต่อความจำเป็นส่วนบุคคลของพนักงานแต่ละคน
นอกจากนี้บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังเป็นหนึ่งในองค์กรที่เป็นผู้นำด้านการกำหนดนโยบาย Hybrid Working ซึ่งเป็นการทำงานที่พนักงานสามารถเลือกทำงานได้ทั้งจากออฟฟิศและบ้าน หรือจากที่ไหนก็ได้ แทนที่การทำงานในสำนักงานเพียงอย่างเดียว โดยที่ 70% ของพนักงานทั้งหมดอยู่ในกลุ่ม Hybrid Working เพื่อให้อิสระกับพนักงานได้มีทางเลือกในการทำงานมากขึ้นและเกิดประสิทธิผลสูงสุด
ในส่วนพื้นที่การทำงานที่บริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การสร้างบรรยากาศในการทำงานและสภาพแวดล้อมที่เปิดกว้างและสนับสนุนการประสานงานที่ดีร่วมกัน ภายใต้แนวคิดสถานที่ทำงานที่น่าร่วมงานด้วยที่สุด (Great Place to Work) รวมถึงมีความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ซึ่งแสดงถึงความเอาใจใส่และมอบคุณค่าให้แก่พนักงาน และเป็นการสนับสนุนให้เปิดรับมุมมองและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีความหลากหลาย ซึ่งมีส่วนช่วยเสริมสร้างพัฒนาไอเดียและสร้างสรรค์นวัตกรรมที่แตกต่างจากท้องตลาด และตอบสนองผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง ซึ่งก็ตอบคำถามได้ดีว่า ทำไมเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ถึงเลือกที่จะให้ความสำคัญในประเด็นนี้
ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่องค์กรจะต้องทำถัดมาคือ การหมั่นสร้างความมีส่วนร่วมกับพนักงานอยู่เป็นประจำ (Employee Engagement) เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้องค์กรทราบถึงความเปลี่ยนแปลงในความต้องการที่เปลี่ยนไปของพนักงาน รวมถึงทำให้รับรู้ปัญหาต่างๆ ที่พวกเขาพบเจอจากการทำงาน หรือแม้กระทั่งมุมมองที่พวกเขามีต่อองค์กร หัวหน้างาน ผู้บริหาร ทิศทาง และเป้าหมายทางธุรกิจที่กำหนด โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ระบุว่า การสร้างความมีส่วนร่วมของพนักงานกับองค์กรถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้องค์กรยังสามารถรักษาทาเลนต์ที่มีคุณค่าให้อยู่คู่กับองค์กรไปได้ยาวนาน และยังถือเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความพึงพอใจของพนักงานในการทำงานให้กับองค์กรได้เรื่อยมา รวมถึงผลักดันสร้างแรงจูงใจให้กับพวกเขาด้วยแนวคิดวัฒนธรรมการทำงานร่วมกัน (Collaborative Working Culture) อีกด้วย
ตอบแทนคืนสู่สังคมด้วยความรับผิดชอบอย่างความจริงใจ
นอกจากจะใส่ใจการดูแลพนักงานอย่างเต็มที่เพื่อให้พัฒนาสินค้าและบริการที่ดีให้กับผู้บริโภคได้สำเร็จ จนสามารถสร้างกำไรและการเติบโตในระดับที่งดงามให้กับองค์กรและบรรดานักลงทุนได้ อีกส่วนหนึ่งของ Stakeholders ที่ภาคธุรกิจและองค์กรจะลืมไม่ได้เป็นอันขาดก็คือ ‘สังคม’ จึงนำไปสู่พาร์ตของการทำ CSR (Corporate Social Responsibility) ที่องค์กรนั้นๆ ต้องตอบแทนทำประโยชน์กลับคืนสู่สังคมด้วยวิธีการหรือแนวทางที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ก็ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร โดยที่พวกเขามีความตั้งใจที่จะยกระดับตัวเองให้เป็นองค์กรที่ดีในสังคม สร้างประโยชน์ร่วมกันให้เกิดขึ้นกับส่วนรวม ผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ หรือการจับมือร่วมกับหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไร โดยที่จะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นด้านความยั่งยืน ความเท่าเทียมในสังคม และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘การศึกษา’ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
ส่วนในแง่ของการส่งเสริมการศึกษาเพื่อพัฒนาบุคลากรเข้าสู่ระบบหรือองค์กร ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ไม่ได้มองข้ามเลยแม้แต่น้อย โดยที่พวกเขาทราบดีว่า การจะยกระดับกระบวนการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมให้มีความยั่งยืนจะทำได้ก็ต่อเมื่อทำควบคู่ไปกับการปูพื้นฐานที่แข็งแกร่งในแง่ของการผลิตบุคลากรในสายงานอาชีพโดยตรง
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้ร่วมโครงการทวิภาคี Auto Mechanics Program กับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อพัฒนาหลักสูตรสอนการศึกษาระดับอาชีวะ จนทำให้พวกเขาสามารถพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ ป้อนคนเข้าสู่ระบบ และกลายเป็นผู้นำในหลักสูตรอาชีวศึกษาไปโดยปริยาย
จะเห็นว่าทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมาข้างต้นนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากเจตนารมณ์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ที่มุ่งมั่นจะสร้างสภาพแวดล้อมและวัฒนธรรมการทำงานที่มีความยั่งยืน Healthy ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้โดนใจผู้ลูกค้า และตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้มากกว่าความต้องการดั้งเดิมที่มีได้อยู่เสมอ
และสิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย กลายเป็นหนึ่งในองค์กรที่บุคลากรและคนทำงานอยากตบเท้าร่วมงานด้วยมากที่สุดในปี 2021 ที่ผ่านมา