ถึงจะเป็นละครในเทรนด์สาวใหญ่รักเด็กตามรอย ให้รักพิพากษา และ พฤษภา-ธันวา รักแท้แค่เกิดก่อน มาติดๆ แต่สำหรับ กะรัตรัก มีมิติที่แตกต่างอออกไปในเรื่องครอบครัว และนิยามของคำว่า ‘นอกกาย’ และ ’นอกใจ’ ที่เกิดขึ้นกับตัวละครสำคัญของเรื่อง ซึ่งกว่าคนดูจะ ‘เชียร์’ ได้อย่างสนิทใจ เรื่องราวก็ได้รับการคลี่คลายจนถึงตอนล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะก่อนหน้านั้นคนดูถูกตั้งคำถามว่าผิดไหมหากเราจะ ‘เชียร์’ ให้ความรักที่ดูหมิ่นเหม่ศีลธรรมสมหวัง
กะรัตรักเป็นเรื่องราวของกะรัต (แอน ทองประสม) สาวใหญ่วัย 39 ปี ทำงานในบริษัทของมาร์ค (แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี) ที่แอบปลื้มเธออยู่ลึกๆ แต่กะรัตแต่งงานมีสามีแล้วคือ ชาคริต (ดอม เหตระกูล) และลูกชายอีก 1 คน เธอก้าวหน้าในหน้าที่การงานจนได้เป็นหัวหน้างานของชาคริต ด้วยบุคลิกความเป็นสาวมั่นและเอาจริงเอาจังกับงาน จึงออกอาการ ‘ข่มผัว’ อยู่บ่อยๆ จนกระทั่งชาคริตตัดสินใจแยกกันอยู่กับกะรัต และเริ่มสานสัมพันธ์กับ นิตา (เม-นิศาชล ต้วมสูงเนิน) เลขาสาวที่หวังจะเลื่อยขาเก้าอี้กะรัต อีกทั้งเวนิส (แพร์-พิชชาภา พันธุมจินดา) คู่แข่งในบริษัทก็คอยยียวนกวนประสาทอยู่ทุกวัน จังหวะเดียวกันนั้นเองที่กะรัตได้เจอกับ ไอ่ (เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข) นักศึกษาปีสุดท้ายวัย 19 ปีที่แอบปลื้มเธอ เข้ามาปั่นป่วนหัวใจจนกลายเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในละคร
จากเรื่องย่อก็คล้ายจะเป็นละครสูตรของสาวใหญ่เนื้อหอมที่ดึงดูดทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้มาหลงเสน่ห์ แต่ผู้ผลิตโยนประเด็นเรื่องเรื่องชีวิตคู่เข้ามาให้เดินคู่ไปกับรักต่างวัย ที่สำคัญทีท่าของ ‘นางเอก’ ก็ดูจะเล่นด้วยกับเด็กหนุ่มที่ก้าวเข้ามา ทั้งที่ตัวเองแต่งงานแล้ว คนดูจะฟินก็ฟินไม่สุด จะจิกหมอนก็ต้องยั้งมือเอาไว้ก่อน ทำให้อาจจะไม่ถูกใจคนดูบางกลุ่ม แต่สำหรับผู้เขียนกลับชอบในความเป็นมนุษย์ เพราะชีวิตคนเราเรื่องบางเรื่องก็ก้าวเข้ามาท้าทายในเวลาผิดๆ เสมอ นอกจากนี้ผู้ผลิตยังออกแบบตัวละครให้มีสีสัน ไม่ขาวดำ 100% กลายเป็นละครที่ค่อนข้างสมจริงอย่างที่ละครไทยยุคปัจจุบันควรจะเป็น
เริ่มตั้งแต่ ‘กะรัต’ ที่หลายเสียงบอกว่ามีความเป็น ‘มนุษย์ป้า’ แต่ถ้ามองไปในองค์กรสมัยใหม่ผู้หญิงที่พร้อมจะปะ ฉะ ดะแบบนี้มีให้เห็นกันอยู่มากมาย ซึ่งความมั่นใจไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบนี้มักกลายเป็นอาการ ‘ข่ม’ และเพิ่มระดับเป็น ‘หยาม’ ได้แบบไม่รู้ตัว อย่างที่กะรัตหยามนิตาว่าไม่มีทางแย่งอะไรจากเธอได้ หรือหยามสามีว่าไม่สามารถดูแลโปรเจกต์ต่างๆ ได้ จนเขาขาดความมั่นใจ และออกนอกลู่นอกทางในที่สุด
ดังนั้น ถ้าครอบครัวจะพังก็ต้องยอมรับว่าเกิดจากความผิดของคนทั้งคู่ด้วยเหมือนกัน ซึ่งกะรัตก็ได้เรียนรู้และพยายามปรับตัวในวันที่ทุกอย่างดูสายเกินไป ส่วนในแง่ของความสัมพันธ์กับไอ่ ก็เริ่มต้นจากความเอ็นดู แบบเดียวกับสาวๆ ในวัยนี้เอ็นดูไอดอลหรือโอปป้าเกาหลี แล้วถ้าไอดอลหรือโอปป้าคนนั้นมีทีท่าแอบปลื้มและส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมาล่ะ เราจะทำอย่างไร? ก็คงเป็นแบบเดียวกับกะรัตที่อยากสวย อยากดูดีในสายตาคนนั้น อย่างที่ได้เห็นว่าเธอโบ๊ะหน้า ไดร์ผม หรือมีท่าทางสุขล้นเมื่อเจอไอ่ โดยที่เจ้าตัวก็รู้ว่ามันผิดเพราะเผลอใจ และพยายามตีตัวออกห่างเสมอๆ และเพิ่งจะยอมเปิดใจแบบสุดๆ เมื่อวันที่ชีวิตคู่กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด
ขณะที่โดยพื้นฐานของชาคริตไม่ได้คิดจะนอกใจกะรัตมาตั้งแต่ต้น แต่ก็ถูกนิตายั่วยวนจน ‘นอกกาย’ เพื่อเสริมความมั่นใจในความเป็นชายของตัวเอง โดยยังไม่รู้สึกรักรู้สึกชอบ แค่อยากลบปมความเป็นลูกกระจ๋องและอยากให้คนมองเห็นความเป็นผู้นำในตัวเขา ซึ่งถ้าชาคริตและกะรัตสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา หาทางแก้ปัญหาเช่นคนหนึ่งย้ายงานไปเจริญเติบโตที่อื่น ก็เป็นอันว่าละครจบแยกย้าย…แต่ชีวิตคนเรามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ส่วนตัวนิตาเรียกได้ว่าเป็นตัวละครที่สีหม่นที่สุดในเรื่อง ถ้าหากเคยประทับฮาร์ตกับความตีสองหน้าของ ‘นก’ จากเรื่องแรงเงา นิตาคือผู้สืบสันดานนั้น แต่เพิ่มดีกรีการต่อปากต่อคำเข้าไปจนกลายเป็นตัวละครที่แซ่บถึงเครื่องทีเดียว
ขณะที่เวนิสก็มีความร้ายกาจแต่ก็ยังมีมุมสดใส เพราะเมื่อกลับไปถึงบ้านเธอก็คือลูกที่น่ารักของพ่อแม่ และการที่ตั้งตัวเป็นคู่แข่งของกะรัตก็เป็นเพราะความเป็นที่หนึ่งที่เธอเคยได้รับถูกสั่นคลอน ซึ่งในใจลึกๆ เธอเองก็รู้ดีว่ากะรัตมีความสามารถและรู้สึกชื่นชม แต่ก็อดอิจฉาไม่ได้
ส่วนไอ่ พระเอกของเรื่องที่เหมือนจะแสนดีเกิดในทุ่งลาเวนเดอร์ เพราะความไร้เดียงสาจากประสบการณ์ที่ผ่านชีวิตมาแค่ 19 ปี ทำให้อยากรู้อยากลอง ด้วยพฤติกรรมต่างๆ ของตัวละคร ผู้เขียนเชื่อว่าเขารู้ดีว่ารู้สึกอย่างไรกับกะรัต เพียงแต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นจะนำไปสู่อะไรเท่านั้นเอง จนกระทั่งถึงตอนนี้ไอ่ก็ได้รับรู้ถึงแรงเสียดทานของคนรอบตัว ทั้งเรื่องความต่างของวัย และข้อครหาว่าเป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวคนอื่นแตกแยก
นอกจากตัวละครที่น่าสนใจแล้ว การแสดงของแอน ทองประสม ถือว่าเป็นจุดเด่นของเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องจังหวะ ความเป็นธรรมชาติ ทั้งๆ ที่เป็นละครคอเมดี้เธอก็ทำได้อย่างมีมิติ ซึ่งถ้าให้จินตนาการถึงผู้หญิงวัย 39 ปีสักคนที่ยังมีเสน่ห์อยู่ ก็คงมีบุคลิกประมาณแอนที่แสดงในเรื่องนี่แหละ ส่วนเจมส์ที่มารับบทนักศึกษาอายุ 19 ปี ผู้เขียนคิดว่าดูค่อนข้างจะเกินวัยไปหน่อย ซึ่งถ้าหากใช้นักแสดงที่ใหม่กว่านี้อย่าง กลัฟ-คณาวุฒิ ไตรพิพัฒนพงษ์ หรือ ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี ก็น่าจะสมจริงกว่า แต่ขณะเดียวกันเคมีก็อาจไม่เข้ากันเท่าแอนกับเจมส์
น่าเสียดายที่กะรัตรักทำเรตติ้งอยู่ในระดับเลข 2 เท่านั้น ทั้งที่เป็นละครดีและมีมุมสนุกตั้งคำถามกับคนดู เหตุผลที่เรตติ้งยังเนือยๆ แบบนี้ก็อาจเป็นเพราะเราได้ดูละครเทรนด์สาวใหญ่ติดๆ กันมาแล้ว ซึ่งถ้าลองให้กะรัตรักออนแอร์ก่อนเรื่องอื่นๆ ผู้เขียนเชื่อว่าเรตติ้งน่าจะไปได้ดีกว่านี้ อย่างไรก็ดี ก็ยังขอเชียร์ให้ดู เพราะไม่บ่อยที่ละครไทยจะพูดถึงชีวิตของคนจริงๆ สักที