สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า บรรดาผู้ประกอบการขนส่งทางเรือหลายแห่งทั่วโลกกำลังประสบปัญหาอย่างหนัก จากกรณีที่ไม่สามารถตามรอยเรือขนส่งสินค้าของบริษัทหลังจากเข้าสู่น่านน้ำของประเทศจีนได้ โดยเป็นผลจากการที่รัฐบาลจีนปฏิรูปกฎระเบียบเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ตามปกติแล้ว บรรดาบริษัทขนส่งสามารถติดตามข้อมูลของการจัดส่งเรือสินค้าของตนเองได้ทั่วโลก จากการติดตั้งระบบเครื่องรับส่งสัญญาณ Automatic Identification System หรือ AIS โดยระบบนี้ช่วยให้เรือส่งข้อมูล เช่น ตำแหน่ง ความเร็ว หลักสูตร และชื่อ ไปยังสถานีที่อยู่ตามแนวชายฝั่งโดยใช้วิทยุความถี่สูง หากเรืออยู่นอกระยะของสถานีเหล่านั้น ข้อมูลสามารถแลกเปลี่ยนผ่านดาวเทียมได้
แต่หลังจากที่จีนปรับเปลี่ยนระบบใหม่ ทำให้บริษัทต่างชาติไม่สามารถรับทราบข้อมูลเรือสินค้าของตนได้ ประหนึ่งว่าเรือขนส่งสินค้าของตนเองหายไปเมื่อเข้าสู่น่านน้ำจีน ซึ่งในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนเรือที่ส่งสัญญาณจากจีนลดลงเกือบ 90% กลายเป็นปัญหาในการดำเนินการของบริษัท
หลายฝ่ายมองว่า สาเหตุหลักที่จีนต้องปรับกฎคุมเข้มเป็นผลจากมาตรการของโลกตะวันตกที่ต้องการโดดเดี่ยวจีน ทำให้จีนไม่เชื่อใจต่างชาติ ทำให้บริษัทขนส่งออกโรงเรียกร้องให้รัฐบาลนานาประเทศตั้งโต๊ะพูดคุยเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ที่เลวร้ายอยู่แล้ว
วันเดียวกัน ทางกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ให้คำมั่นที่จะเพิ่มความหลากหลายในการนำเข้าสินค้าประเภทต่างๆ ตั้งแต่ อาหาร พลังงาน เทคโนโลยี และชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหลายในช่วง 5 ปีนับจากนี้
ขณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทางการค้า รัฐบาลจีนภายใต้แผนโครงร่างพัฒนาระยะเวลา 5 ปีฉบับที่ 14 จะใช้ระบบป้องกันและควบคุมความเสี่ยงที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เช่น กลไกตอบโต้การขัดแย้งทางการค้า การควบคุมการส่งออก และการเยียวยาทางการค้า
นอกจากนี้ ทางการจีนจะยกระดับพัฒนาศักยภาพด้านนวัตกรรม และมุ่งสร้างสมดุลระหว่างการนำเข้าและส่งออกให้ดียิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ต้องการส่งเสริมการค้าเสรีระดับพหุภาคี
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า ปริมาณการค้าสินค้าทั้งหมดเพิ่มขึ้นจาก 3.95 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 มาอยู่ที่ 4.65 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2020 ที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 3.3% และจีนยังคงรักษาตำแหน่งประเทศนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกมาตั้งแต่ปี 2017 โดยมีส่วนแบ่งตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 13.8% เป็น 14.7%
อ้างอิง: