“อยากให้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมเอาไว้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามแต่ คุณไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายคนนี้อย่างนี้”
มาตามนัด เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันนี้ (22 พฤศจิกายน) ไอซ์-รักชนก ศรีนอก นักเคลื่อนไหวทางการเมืองบนแพลตฟอร์ม Clubhouse ได้เดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลปากคลองสาน กรณีถูก ต้อม-ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชื่อดังทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง โดยหลังจากเดินทางมาถึงบริเวณ สน. สื่อมวลชนจำนวนมากได้เปิดประเด็นสัมภาษณ์ สอบถามรายละเอียด รวมไปถึงแง่มุมและประเด็นต่างๆ ที่ถูกขยายต่อจากทั้งฝั่งเจ้าตัวและคู่กรณีมาตั้งแต่เมื่อวาน (22 พฤศจิกายน)
THE STANDARD POP พยายามถอดข้อความและเรียบเรียงแบบคำต่อคำ เพื่อให้ประเด็นและเนื้อหาอันเป็นประเด็นร้อนอยู่นี้สมบูรณ์ให้ได้มากที่สุด โดยสื่อมวลชนได้เริ่มต้นเปิดประเด็นสัมภาษณ์ถึงสาเหตุที่มีการถูกพูดถึงว่า เกิดจากการเมา ได้มีการเคลียร์กันแล้ว แต่เหมือน ไอซ์ รักชนก ได้บอกกับคู่กรณีว่า ถ้าจะให้ยอมก็คือต้องกราบตีน สรุปว่าได้มีการพูดคำนี้เกิดขึ้นหรือไม่? ซึ่งเธอได้ตอบคำถามสื่อดังต่อไปนี้
ไอซ์ รักชนก: “การเมาเป็นแค่ข้อกล่าวหานะคะ เราไม่ได้เมา มีแค่เขาฝ่ายเดียวที่เมาค่ะ แล้วที่บอกว่ามีการขอโทษกันแล้ว หลังจากที่อยู่บนเรือ เราบอกเลยนะว่ามันไม่มี หรือว่าถ้ามี มันไม่ใช่การมาพูดขอโทษกับเราแน่ๆ เพราะว่าตัวเราไม่ได้ยิน”
ส่วนเรื่องคำพูดที่ ต้อม ยุทธเลิศ บอกว่า “ถ้าจะให้ยกโทษต้องกราบตีน” มีคำนี้ไหม
ไอซ์ รักชนก: “มีคำนี้ค่ะ ขอยืนยันว่ามีคำนี้ค่ะ เป็นคนพูดเองค่ะ ยอมรับ เพราะอะไรถึงต้องบอกว่าให้กราบตีน เพราะว่าเขาตบหน้าหนู 2 ที แล้วก็ถีบอีก 1 ทีค่ะพี่”
“หนูถามหน่อยว่าถ้าพี่โดนขนาดนี้ จริงๆ แล้วแค่กราบตีนมันพอเหรอ หนูถึงอยากดำเนินคดีให้มันเป็นเรื่องถึงที่สุด”
นักข่าวถามต่อว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณต้อมบอกว่าอยากให้จบที่โรงพัก ไม่อยากให้พูดกันผ่านไปผ่านมาทางโซเชียล ตอนนี้ได้รับการติดต่อจากทางเขาหรือยัง
ไอซ์ รักชนก: “จะบอกว่าคนที่พูดผ่านโซเชียลเนี่ยนะคะ หนูพูดแค่ครั้งแรก ก็คือเล่าเรื่องทั้งหมด หลังจากนั้นแจ้งความ แล้วทนายก็บอกว่า ไม่ต้องพูดอะไร มีเขาคนเดียวคะที่ไปให้สัมภาษณ์สื่อโน้นสื่อนี้ แล้วมันก็เป็นหลักฐานผูกมัดตัวเขาเองด้วยว่า เขาพูดกี่ครั้งก็ไม่เคยตรงกันเลยสักครั้ง”
แล้วถ้าสมมติว่าถ้าเขามาเคลียร์ มาขอโทษ จะยกโทษไหม หรือว่าไม่ยอมแล้ว ต้องดำเนินคดีอย่างเดียว
ไอซ์ รักชนก: “ไอ้เรื่องขอโทษ มันเป็นสามัญสำนึกส่วนตัวนะคะ หนูไม่สามารถไปบอกเขาว่า คุณทำผิดแล้วจะต้องขอโทษนะ มันแล้วแต่เขา
“แต่ส่วนดำเนินคดี ยังไงก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายค่ะ อยากให้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมเอาไว้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตามแต่ คุณไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายร่างกายคนอื่นอย่างนี้
“แล้วเราจะบอกว่า เราไม่ได้ขึ้นไปหาเรื่องเขา แบบที่เขาบอก เราขึ้นไปเพื่อที่จะขอโทษเขา ในกรณีที่เขาเคยบอกว่า เราไป… เขาตั้งห้องด่าคุณทราย (ทราย เจริญปุระ) เรื่องกรณีต่างๆ เราขอไม่พูดถึงตรงนั้นแล้วกัน แล้วหลังจากนั้นเขาก็ถูกสังคมตั้งคำถามว่า เฮ้ย แล้วคุณไปยุ่งอะไรเกี่ยวกับกรณีนี้ แล้วคุณมาพูดแบบนี้มีหลักฐานไหม เขาตอบไม่ได้ หนูก็แค่ถามสิ่งที่คนอื่นถามว่า แล้วถ้าคุณตอบคำถามนี้ไม่ได้ แปลว่าคุณกล่าวหาเขา แล้วคุณขอโทษเขาหรือยัง
“หลังจากนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเจ็บแค้นหรือว่าอะไร แต่ว่าพอขึ้นไปเห็นหน้าแล้วเหมือนเขาโกรธมาก”
นักข่าวถามต่อว่า ยืนยันไหมถ้ามีผู้ใหญ่มาไกล่เกลี่ยให้ ให้ดีกันก็จะไม่ดีกัน หรือว่าจะดำเนินการทางกฎหมาย
ไอซ์ รักชนก: “ถ้าสมมติว่ามีคนมาไกล่เกลี่ยก็ยินดีนะคะ แล้วจะดีกันหรือไม่ดี เราคิดว่าการที่มาคุยกันแล้วดีกันเนี่ย มันดีต่อขบวนการที่เขาและเราบอกว่ากำลังขับเคลื่อนเพื่อมันอยู่ แล้วมันก็ดีกับขบวนการอยู่แล้ว แต่เรื่องดำเนินคดีทางกฎหมาย ยังไงเราก็ยืนยันว่าต้องดำเนินคดีทางกฎหมาย
“ถ้าสมมติว่าคุณไปทำร้ายร่างกายใคร แล้วมีคนมาไกล่เกลี่ย เรารู้สึกว่ามันไม่ได้ เราต้องเซ็ตบรรทัดฐานทางสังคมเอาไว้เลยว่า ถ้ามันมีคดีอย่างนี้เกิดขึ้น มันไม่จำเป็นว่าจะต้องตีผู้หญิงหรือว่าผู้ชายตีผู้หญิง หรือว่าใครตีใคร ความหลากหลายทางเพศทุกอย่าง มันไม่มีใครที่สมควรจะได้รับสิ่งนี้ คือแบบ ขึ้นไปคุยดีๆ แล้วเดินไปตบ โดยการบันดาลโทสะ ด้วยการเมาหรืออะไรก็แล้วแต่”
นักข่าวเกริ่นเสริมว่า เขาบอกว่าเขาจำอะไรไม่ได้
ไอซ์ รักชนก: “ไม่เป็นไรค่ะ จำอะไรไม่ได้ก็เดี๋ยวลองอ่านสำนวนคดีดู แล้วเผื่อจะมีรีมายด์ แล้วเพื่อนๆ เขาที่อยู่ตรงนั้นก็มีหลายคน ก็ลองถามเพื่อนดูค่ะ ถ้าตนเองจำไม่ได้”
จนถึงวินาทีนี้ ในกลุ่ม ในขบวนการ มีใครโทรมาเพื่อจะเลิกแล้วต่อกัน หรือว่ามีใครโทรมาแสดงความคิดเห็นอะไรไหม
ไอซ์ รักชนก: “ให้เลิกแล้วต่อกันเนี่ย ก็มีบางคนอยากให้เรื่องมันจบเร็วที่สุด แล้วก็อยากให้ทั้งสองคน ยังไงดีล่ะ ก็ดีกัน เราก็บอกว่า ถ้ามาคุย เราก็ยินดีคุยนะ
“แต่คุยเราไม่เอาตอนเมาแล้วนะ แล้วบันดาลโทสะแล้วเดินเข้ามาตี เราไม่เอาแล้วนะ”
นักข่าวขอให้ไอซ์ช่วยเล่าจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง ซึ่งเธอได้ชี้แจงดังนี้
ไอซ์ รักชนก: “เริ่มต้นก็คือเราก็ไปงานงานหนึ่ง คือเราขอไม่อยากให้พาดพิงไปถึงใครในงานหรือผู้จัดงานนะคะ คือเรารู้สึกว่าเขาไม่เกี่ยวแล้วเขาก็ไม่ได้มีความผิดอะไรตรงนี้เลย คือเราก็ไปงาน แล้วในงานมันมีเรือ แล้วหนึ่งในบรรดาผู้จัดงานก็ชวนเราขึ้นไป แล้วเราก็ยืนคุยกับเขาสักพักหนึ่ง หนูขอไม่เอ่ยชื่อด้วยนะคะ เพราะพี่เขาอาจจะไม่อยากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่พี่เขาเป็นคนชวนเราขึ้นมา แล้วทุกคนก็บอกว่าโอเค คุณผู้กำกับคนนี้เขาอยู่บนเรือนะ เราก็บอกว่าโอเค แล้วยังไง ก็รู้ว่าเคยมีปัญหาขัดแย้งกัน แล้วต้องคุยไหม หรือว่าอะไร
“ตอนแรกทุกคนก็บอกว่าอย่า เพราะว่าเขากินไปเยอะแล้ว เมาแล้ว และระหว่างนั้นเราก็ได้ยินว่าเขาเริ่มไม่พอใจแล้วว่า เออ… (คิด) อาจจะเพราะว่าเราอยู่บนเรือ
“แต่ว่าสักพัก ก็มีคนเดินมาบอกเราว่า เออ เขาพร้อมคุยแล้ว จะเคลียร์กันไหม เราก็บอกว่าพี่ยังไงดี ถามเพื่อนเราที่อยู่ตรงนั้น เขาก็บอกว่า มึงอย่าเลย แต่ว่าก็มีบางคนบอกว่าก็ดี ถ้าสมมติว่าไปขอโทษเขาแล้วคุยกัน มันจะได้จบ เราก็เลยบอกว่าโอเค เราจะได้ขึ้นไปคุยแล้วก็ขอโทษ
“แล้วเราก็ขึ้นไป มันก็เป็นไปตามที่เราเขียนเอาไว้ คือบรรยากาศมันดูค่อนข้างที่จะรู้สึกเหมือนว่ามันเป็นแบบมาเฟียอะไรประมาณนี้ เราก็เลยแกล้งๆ แซวเล่นๆ ว่าพี่คะ บรรยากาศมันเหมือนมาเฟียเลยนะ
“แล้วตอนนั้นมันก็มีคนพูดว่า เออ คารวะพี่ผมหน่อย เราก็รู้สึกแบบ เออ เหมือนมาเฟียเลย แล้วเขาก็พูดว่า ก็ใช่ไง มึงเล่นกับมาเฟียจีนอยู่ มึงไม่รู้ตัวเหรอ
“แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการสนทนากันนิดหน่อย แล้วเขาก็เป็นจังหวะคำพูดไหนเนี่ย ไม่แน่ใจ แต่เขาก็เดินเข้ามาแล้วก็ตบเข้าที่ข้างขวาของเรา”
สื่อยังถามต่ออีกว่าในระหว่างนั้นได้มีการเจรจาหรือว่าขอโทษตามที่เราต้องการไหม
ไอซ์ รักชนก: “ยังไม่ได้พูดขอโทษหรือว่าอะไรเลยคะ คือเขาก็เข้ามาแล้วก็ตะโกนๆ”
พอให้สัมภาษณ์มาถึงตรงนี้ ไอซ์ต้องเข้าไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนต่อ นักข่าวจึงถามสรุปต่อถึงหลักฐานที่เราเตรียมมาในวันนี้ว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งไอซ์แจกแจงให้ฟังว่า
ไอซ์ รักชนก: “มีหลักฐานคะ แล้วก็มีพยาน”
ที่บอกว่ามีเสียง มีคลิปหรือเป็นภาพ เราพร้อมที่จะเปิดเผยอะไรไหม
ไอซ์ รักชนก: “เราพร้อมที่จะเปิดเผย ถ้าทนายบอกว่ามันถึงเวลาที่จะเปิดเผยค่ะ แล้วถ้าตำรวจต้องการเราก็จะมอบให้ได้ค่ะ”
ส่วนหลักฐานดังกล่าว เมื่อถูกถามว่าเป็นคลิป เป็นภาพหรือว่าเป็นเสียง คู่กรณีของผู้กำกับภาพยนตร์ไทยชื่อดังยืนยันอีกครั้งว่า “มีหมดทุกอย่าง”
เห็นการกระทำได้ชัดเจน…นักข่าวซักรายละเอียดของเหตุการณ์
ไอซ์ รักชนก: “อือ เห็นการกระทำ… (คิด) คือสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ค่ะ”
เมื่อถูกถามว่าในวันนั้นไอซ์ได้ดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วยไหม เจ้าตัวยืนยันอีกครั้งเกี่ยวกับสภาวะทางสติของตัวเองในวันนั้น
ไอซ์ รักชนก: “เราดื่มไปนิดหนึ่ง แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้เมาค่ะ
“ขอร้องนะคะว่าอย่ามาใช้คำว่าคนเมาทะเลาะกัน เราแทบจะไม่ได้แตะเลย มีคนรินให้ แต่ว่าแทบจะไม่ได้แตะเลยด้วย แล้วเขาค่ะคนเดียวที่เมา แล้วมันก็เป็นการทำร้ายร่างกายค่ะ อย่ามาใช้คำว่าทะเลาะวิวาท แล้วก็อย่ามาใช้ความชอบธรรมดาว่าเป็นคนเมาแล้วจะทำอะไรแบบนี้ได้”
ก่อนเธอจะขอตัวเดินไปพบเจ้าหน้าที่ ไอซ์ถูกซักถามปิดท้ายในกรณีคำให้สัมภาษณ์โต้แย้งของคู่กรณีที่กล่าวไว้ว่าถ้าทำร้ายร่างกายจริง น่าจะต้องมีรอยฟกช้ำ
ไอซ์ รักชนก: “ขอโทษนะคะ คือตีเนี่ย คือคุณไปโดนร่างกายเขา มันไม่จำเป็นจะต้องมีรอยฟกช้ำ มันก็ถือเป็นความผิดแล้วค่ะ”
ผู้ที่ติดตามข่าวสารในกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ยังคงต้องติดตามกันต่อว่าหลังจากการเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนในวันนี้ พร้อมๆ กับการให้สัมภาษณ์สื่อล่าสุดของ ไอซ์ รักชนก ทางฝ่ายคู่กรณีอย่าง ต้อม ยุทธเลิศ จะชี้แจงอะไรต่อไป ซึ่งผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังเองก็กำลังเตรียมจะเข้าให้การกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลปากคลองสานด้วยเช่นกัน
อ้างอิง: