สำนักข่าว Al Jazeera รายงานสถานการณ์ในเมียนมา หลังจากที่โรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศกลับมาเปิดเรียนอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าชั้นเรียนต่างๆ เกือบจะว่างเปล่า เนื่องจากนักเรียนและครูจำนวนมากปฏิเสธที่จะเข้าชั้นเรียน
โดยสาเหตุสำคัญที่นักเรียนและครูส่วนใหญ่ไม่ยอมไปโรงเรียน เพื่อประท้วงต่อต้านการก่อรัฐประหารยึดอำนาจของกองทัพ ซึ่งนอกจากนี้หลายคนยังกลัวเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากมีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่โรงเรียนหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา
หนึ่งในนักเรียนหญิงวัย 16 ปี ในเมืองแปร รัฐพะโค ที่ใช้ชื่อสมมติว่า ชิกา โก เผยต่อ Al Jazeera ว่า เขาและเพื่อนๆ ไม่ได้ไปโรงเรียนเนื่องจากกลัวเหตุระเบิดในโรงเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่นานนี้
“โรงเรียนของฉันยังไม่ถูกโจมตี แต่เมื่อฉันได้ยินว่ามีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่โรงเรียนอื่นๆ มันทำให้ฉันกลัวมาก ดังนั้นฉันจึงอยู่ที่บ้าน” ชิกา โก กล่าว พร้อมเผยว่า ปกติแล้ว โรงเรียนของเธอมีนักเรียนทั้งหมดกว่า 600 คน แต่หลังจากเปิดชั้นเรียนตั้งแต่ต้นเดือน มีนักเรียนไปโรงเรียนเพียงประมาณ 20 คน
ขณะที่ผู้ปกครองวัย 48 ปี ที่ใช้ชื่อสมมติว่า เนซิน อู ซึ่งมีลูก 1 คนเรียนชั้นประถม และอีก 2 คนเรียนชั้นมัธยม ตัดสินใจไม่ให้ลูกไปโรงเรียนในช่วงที่กองทัพปกครองประเทศเพื่อประท้วงต่อต้านการรัฐประหาร
“โรงเรียนต่างๆ ดำเนินการโดยกองทัพ และในฐานะนักปฏิวัติ ผมปฏิเสธที่จะส่งลูกๆ ของผมไปโรงเรียน หากเราในฐานะพ่อแม่เลือกที่จะส่งลูกๆ ของเราไปโรงเรียน หมายความว่าเรากำลังสนับสนุนกองทัพ ผมจะส่งพวกเขาไปโรงเรียน ต่อเมื่อฝ่ายตรงข้ามกองทัพชนะเท่านั้น” เนซินอู กล่าว
ทั้งนี้โรงเรียนส่วนใหญ่ทั่วเมียนมาปิดทำการเรียนการสอนต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ทวีความรุนแรง ทำให้รัฐบาลทหารตัดสินใจสั่งหยุดเรียนทั่วประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ภาพ: Photo by Mine Smine / SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
