×

The Last Jedi ครบรอบ 40 ปี กับ Star Wars ภาคที่ดีที่สุดนับจาก The Empire Strikes Back

14.12.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

3 Mins read
  • Star Wars: The Last Jedi คือ Star Wars ภาคที่ดีและสนุกที่สุด นับตั้งแต่ Star Wars: The Empire Strikes Back ในปี 1980
  • ผลงานกำกับของไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson) จาก Looper ที่ทำผลงานเข้าตาสตูดิโอจนได้รับมอบหมายให้เตรียมเปิดไตรภาค สตาร์ วอร์ส เซตใหม่เร็วนี้ๆ
  • The Last Jedi มีการหักมุมเกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 152 นาที เพราะฉะนั้นก่อนเข้าไปดู อยู่ให้ห่างจากการสปอยล์ทุกรูปแบบไว้ก่อนจะดีที่สุด
  • นอกจากเป็นภาคที่ดีที่สุดแล้ว The Last Jedi ยังเป็น สตาร์ วอร์ส ภาคที่มีมุกตลกมากที่สุดตลอดระยะเวลา 40 ปีอีกด้วย

บอกก่อนว่า Star Wars: The Last Jedi เป็นหนังที่เขียนรีวิวได้ยากมาก เพราะว่ามีการหักมุมเส้นเรื่องแบบไม่คาดคิดเกิดขึ้นแทบตลอดเวลา ทำให้เราไม่สามารถพูดลงลึกรายละเอียดของเนื้อเรื่องได้มากนัก เพราะจะทำให้เลยเส้นและกลายเป็นสปอยล์เนื้อหาสำคัญขึ้นมาทันที แต่สิ่งที่กล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำคือ นี่เป็น ‘Star Wars ภาคที่ดีที่สุด’ ชนิดที่ไม่แพ้ หรืออาจจะเหนือกว่าภาค 5 อย่าง Star Wars: The Empire Strikes Back (1980) ที่หลายคนยกให้เป็นที่สุดของมหากาพย์เรื่องนี้ด้วยซ้ำไป

 

 

ทั้งๆ ที่เนื้อเรื่องหลักแทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิม คือการที่ฝ่ายต่อต้านหนีการไล่ล่าจากฝ่ายจักรวรรดิ มีเส้นเรื่องของเรย์ ที่ต้องเดินทางไปฝึกวิชากับลุค สกายวอล์กเกอร์ (Luke Skywalker) เป็นไฮไลต์เพิ่มเข้ามา แต่รายละเอียดโดยรวม โดยเฉพาะการเมืองเรื่องจักรวาลแบบเข้มๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของ สตาร์ วอร์ส ได้ถูกพัฒนาขึ้นจนสูงสุดในภาคนี้ (ซึ่งบางตอนอาจจะเข้มเกินไป จนทำให้คนที่ไม่ได้ติดตาม สตาร์ วอร์ส อย่างจริงจังหลุดจากเนื้อเรื่องไปได้เหมือนกัน)

 

 

คนที่สมควรได้รับเครดิตนี้ไปเต็มๆ ก็คือผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน (Rian Johnson) บรรดานักวิจารณ์หลายคนถึงกับออกมาถ่ายภาพกราบ ไรอัน จอห์นสัน กันเป็นแถวทันทีที่ออกจากโรง คนเดียวกับที่ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามตัวโตตั้งแต่วันแรกที่ประกาศตัวผู้กำกับ ว่าคนนี้หรือที่จะมารับหน้าที่สำคัญในครั้งนี้ แต่เขาก็พิสูจน์ให้เห็นว่า ไรอัน จอห์นสัน นี่ล่ะของจริงได้ตั้งแต่ 15 นาทีแรกที่หนังฉาย เอาง่ายๆ ว่าแค่ไม่ถึง 30 วินาทีแรก ที่เปิดเรื่องด้วยฉากต่อสู้บนอวกาศเน้นๆ ก็ทำให้แฟนเดนตายของ สตาร์ วอร์ส หายใจไม่ทั่วท้องกันได้ทั้งโรงแล้ว และยังเซอร์วิสแฟนคลับด้วยการขนบรรดายานคลาสสิกอย่าง X-Wing, TIE Fighter และ AT-TA และ Millennium Falcon มาให้เห็นกันแบบเต็มๆ ส่วนฉากอื่นๆ ก็ไม่ต้องพูดถึง ใครที่เพิ่งหงุดหงิดจากการต่อสู้ใน Justice League มาสามารถดูเรื่องนี้ล้างตาได้เลย

 

 

นอกจากฉากต่อสู้ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว ไรอัน จอห์นสัน ได้ทำการคารวะช่วงเวลา 40 ปี ของมหากาพย์ สตาร์ วอร์ส ด้วยการทำให้ตัวละครคลาสสิกอย่างเจ้าหญิงเลอา (แคร์รี ฟิชเชอร์) และลุค สกายวอล์กเกอร์ (มาร์ก แฮมิลล์) กลับมาเฉิดฉายขึ้นอีกครั้ง (จับตาดูบทบาทของ 2 คนนี้ให้ดี เราพูดได้แค่นี้จริงๆ) หลังจากความสำคัญค่อยๆ ถูกลดน้อยลงไป ถึงแม้ว่าทั้ง 2 ตัวละคร จะไม่ถึงขั้นเป็นตัวละครหลัก แต่การปรากฏตัวออกมาแต่ละครั้งทำให้ทุกคนต้องจดจำ ชนิดที่ตัวละครรุ่นหลานได้แต่มองตาปริบๆ โดยเฉพาะแคร์รี ฟิชเชอร์ ผู้ล่วงลับ ที่ออร่าของเธอโดดเด่นจนเราแอบหนักใจแทนทีมงานเหลือเกิน ว่าหลังจากที่เธอจากโลกนี้ไป แล้วจะหาทางลงให้กับตัวละครนี้อย่างไรให้สมเกียรติกับเธอที่สุด

 

 

ในขณะที่ตัวละครหลักเซตใหม่อย่าง เรย์ (เดซี ริดลีย์), ไคโล เรน (อดัม ไดรเวอร์), ฟิน (จอห์น โบเยกา) และโพ ดาเมรอน (ออสการ์ ไอแซก) ต่างก็มีพัฒนาการของตัวเองในมิติที่ลึกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลายคนต้องพบกับการตัดสินใจครั้งใหญ่ โดยเฉพาะไคโล เรน ที่เป็นหนึ่งในคีย์สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของจักรวาลนี้ต่อไป สิ่งที่เราติดใจมีเพียง 2 อย่างคือ การฝึกฝนเพื่อเป็นเจไดของเรย์ ที่เป็นหนึ่งในไฮไลต์ของภาคนี้ เรารู้สึกว่าทุกอย่างดูง่ายและเป็นใจกับเธอมากไปหน่อย ถ้าเทียบกับการฝึกของรุ่นก่อนที่ต้องผ่านการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนัก แล้วหนูเรย์ของเราดูเป็นเจไดที่ได้พลังมาง่ายไปหน่อยเท่านั้นเอง กับสโนก (แอนดี้ เซอร์คิส) ผู้นำฝ่ายจักรวรรดิ ที่ดูเหมือนจะเน้นพูดมากกว่าปฏิบัติ จนความน่ากลัวดูลดลงอย่างเห็นได้ชัดถ้าเทียบกับผู้นำจอมเล่ห์เหลี่ยมอย่างพัลพาทีนในภาคที่ผ่านมา

 

 

นอกจากนี้ยังมีตัวละครใหม่ที่เราชอบมากๆ คือ โรส ทิโก้ (เคลลี มารี ทราน) นักบินสาวหน้าหมวยหนึ่งเดียวในกองทัพต่อต้าน รวมทั้งตัวละครใหม่อื่นๆ (เยอะมากจนพูดไม่หมด) ที่จะกลายมาเป็นกำลังสำคัญในการขยายจักรวาลสตาร์ วอร์สในภาคต่อๆ ไป รวมทั้งบรรดาหุ่นยนต์ตัวเล็กตัวน้อยทั้ง C-3PO, R2-D2 และ BB-8 ที่ไม่เพียงมาสร้างสีสันให้กับเรื่อง แต่ยังได้รับบทบาทให้เป็นฮีโร่แก้ไขสถานการณ์สำคัญๆ อยู่หลายครั้ง และขอเตือนสำหรับสายซื้อของที่ระลึกว่าให้ระวังเจ้า พรอค คู่หูตัวป่วนคนใหม่ของชิวแบคคาให้ดี เพราะความน่ารักของมันจะดูดเงินในกระเป๋าของคุณได้อย่างแน่นอน

 

 

นอกจากภาพรวมทุกอย่าง The Last Jedi ทำออกมาให้เกินมาตรฐานที่คิดไว้ อีกสิ่งที่เรายกให้เป็นเสน่ห์ที่ดีที่สุดในเรื่อง คืออารมณ์ขันและมุกตลกที่ใส่เข้ามาตลอดทั้งเรื่อง (ทั้งเรื่องจริงๆ) จุดนี้ทำให้ The Last Jedi ไปไกลได้มากกว่าทุกภาคก่อนหน้า ที่เน้นความจริงจังและขึงขังเป็นหลัก (จะมีตลกบ้างจากฮัน โซโล และชิวแบคคา หรือหุ่นยนต์ตัวประหลาดอื่นๆ เท่านั้น) แต่คราวนี้ไรอัน จอห์นสัน เลือกที่จะให้ทุกตัวละครมีอารมณ์อยู่ในตัวเอง และที่สำคัญคือไม่ใช่มุกตลกที่เกร่อหรือเข้าใจยาก แต่เป็นทุกที่ทำให้ทุกคนหัวเราะไปพร้อมๆ กับเอามือจิกเบาะลุ้นระทึกกับฉากต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่และสะใจได้พร้อมๆ กัน

 

 

ถึงแม้ว่าใน Star Wars: IX เจ.เจ. แอบรัมส์ จะรับหน้าที่ปิดไตรภาคครั้งนี้ด้วยตัวเองหลังจากชุบชีวิตมหากาพย์สตาร์ วอร์ส ด้วยภาค The Force Awakens มาแล้ว แต่ก็มีข่าวที่น่าชื่นใจว่าไรอัน จอห์นสัน จะมารับหน้าที่เปิดไตรภาคสตาร์ วอร์ส เซตใหม่ ด้วยการเป็นทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบทด้วยตัวเอง ทำให้สาวกสตาร์ วอร์ส อุ่นใจได้เลยว่าการเดินทางสู่จักรวาลอันไกลโพ้นจะยังไม่จบลงง่ายๆ และยังไปได้ไกลมากขึ้นกว่านี้ตราบเท่าที่ชื่อ ไรอัน จอห์นสัน ยังไม่หายไปไหน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising