Bloomberg รายงานว่า บรรดากองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีและมีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Apple หรือ Facebook ต่างเริ่มชะลอการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำในตลาดอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
โดยข้อมูลจาก Goldman Sachs Group หนึ่งในโบรกเกอร์ชั้นนำในตลาดสหรัฐฯ พบว่า การเข้าไปลงทุนในหุ้นของ 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ชั้นนำอย่าง Facebook, Amazon, Apple, Netflix, และ Google หรือ FAANG ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ข้อมูลรวบรวมโดย Bloomberg พบว่า การซื้อหุ้นในกลุ่ม FAANG ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน
นอกจากนี้แม้ว่ารายได้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 จะขยับได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และยังเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 30% รวมถึงมีผลกำไรรวมกันถึง 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระนั้นบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ หรือ FAANG มีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางลบจากปัญหาคอขวดในห่วงโซ่การผลิต และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน จนส่งผลให้รายได้และผลกำไรลดลง ขณะที่บริษัทที่พึ่งพารายได้จากการขายโฆษณาอย่าง Facebook กับ Alphabet บริษัทแม่ของ Google มีแนวโน้มเผชิญการเทขายครั้งใหญ่
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศลดปริมาณการซื้อขายพันธบัตรรายเดือน ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ซึ่งคาดว่าจะตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็ยิ่งเพิ่มปัจจัยลบกระทบต่อการเติบโตของหุ้น FAANG เหล่านี้
ทั้งนี้นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิดในปี 2020 หุ้น FAANG เหล่านี้ สูญมูลค่าตลาดไปแล้วรวมเกือบ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้จะสามารถทยอยฟื้นกลับมาได้ แต่มูลค่าตลาดตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมายังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าสถิติสูงสุด ทั้งๆ ที่ความเคลื่อนไหวของหุ้น S&P 500 ล้วนขยับใกล้แตะระดับสูงสุดตลอดกาลแล้วก็ตาม
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP