สหภาพแพทย์ของสหราชอาณาจักรกล่าวหารัฐบาลของ บอริส จอห์นสัน ว่า ‘จงใจละเลย’ การจัดการกับการระบาดของโควิดระลอกล่าสุด โดยไม่ยอมนำมาตรการที่จำเป็นมาใช้เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ทั้งๆ ที่อัตราการติดเชื้อกลับมาพุ่งสูงขึ้น จนทำให้เกิดความกังวลว่าระบบสาธารณสุขของประเทศอาจรับไม่ไหว
สมาคมการแพทย์อังกฤษ (BMA) ออกแถลงการณ์ในวันพุธ (20 ตุลาคม) ระบุว่า “รัฐบาลอยู่เฉย ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเราผ่านพ้นโรคระบาดใหญ่มาแล้ว และชีวิตกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว
“รัฐบาลเวสต์มินสเตอร์จงใจละเลยที่จะไม่ดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมเพื่อลดการแพร่เชื้อ เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การเว้นระยะห่างทางกายภาพ และการระบายอากาศในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ปิดที่มีคนแออัด” แถลงการณ์ระบุ “มาตรการเหล่านี้เป็นมาตรการพื้นฐานในหลายๆ ประเทศ”
สหราชอาณาจักรรายงานผู้ป่วยโควิดรายใหม่เกือบ 50,000 รายต่อวันถึงสองครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลกว่าประเทศส่วนใหญ่ของยุโรป นอกจากนี้อัตราการรักษาตัวในโรงพยาบาลและอัตราการเสียชีวิตของประเทศก็ไม่ได้ลดลงมากเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลประกาศยกเลิกมาตรการป้องกันโควิดที่เหลืออยู่เกือบทั้งหมด
แม้สถานการณ์เข้าขั้นน่าวิตก แต่รัฐบาลอังกฤษก็ยังคงปฏิเสธที่จะนำ ‘Plan B’ หรือแผนสำรองมาใช้ ซึ่งรวมถึงการใช้พาสปอร์ตวัคซีนและมาตรการอื่นๆ ที่สอดคล้องกับหลายประเทศในยุโรป
ซาจิด จาวิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักร ยอมรับเมื่อวันพุธว่า ผู้ติดเชื้ออาจสูงถึง 100,000 คนต่อวันในฤดูหนาวนี้ แต่กล่าวว่า ‘ณ จุดนี้’ รัฐบาลจะยังคงไม่ดำเนินมาตรการตามแผนสำรอง
สหราชอาณาจักรมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม โดย BMA ระบุว่า รัฐบาลปล่อยเวลามานานเกินไปแล้ว และไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการ
“นี่เป็นเวลาที่เราจะต้องเรียนรู้บทเรียนจากอดีตและดำเนินการอย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้นเราจะต้องเผชิญกับมาตรการที่รุนแรงมากขึ้นในภายหลัง” BMA กล่าว
คำเตือนของ BMA เป็นไปในทำนองเดียวกับสมาพันธ์สำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS Confederation) ที่ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ หลังจากจำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพุ่งทำสถิติในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับโรงพยาบาลต่างๆ โดยเฉพาะในขณะที่ฤดูหนาวกำลังใกล้เข้ามา
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเกือบ 140,000 ราย ซึ่งมากที่สุดในยุโรปตะวันตก และสูงสุดเป็นอันดับ 8 ของโลก
แม้ว่าสหราชอาณาจักรจะเริ่มให้บริการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนอย่างรวดเร็วเป็นประเทศแรกๆ ของโลก แต่ปัจจุบันสหราชอาณาจักรกลับมีอัตราการฉีดวัคซีนเป็นลำดับที่ 13 ในยุโรป ขณะที่รัฐบาลต้องเผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความรวดเร็วของการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12-17 ปี
ภาพ: Charles McQuillan / Getty Images
อ้างอิง: