วันนี้ (19 ตุลาคม) เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง (คนส.) จัดกิจกรรม ‘จากธรรมศาสตร์สู่ศาลฎีกา เดินหาความยุติธรรม’ เพื่อเรียกร้องสิทธิในการประกันตัวให้ผู้ถูกคุมขังในคดีทางการเมือง
ประจักษ์ ก้องกีรติ กล่าวว่า การทำกิจกรรมในวันนี้เป็นไปเพื่อย้ำเตือนว่า ในไทยทุกวันนี้ยังมีเยาวชนถูกคุมขังในเรือนจำเป็นจำนวนมาก บางกรณีที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาธรรมศาสตร์อย่าง เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่ถูกคุมขังมาร่วม 70 วันแล้ว หรือ เบนจา อะปัญ ที่ถูกขังในเรือนจำขณะนี้ ทั้งที่คดียังไม่ถึงขั้นถูกฟ้องโดยอัยการ และทุกคดียังไม่มีการตัดสินในศาลด้วยซ้ำ
ประจักษ์กล่าวย้ำว่า สิทธิในการประกันตัวถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ออกมาต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม ในขณะที่คดีชุมนุมทางการเมืองอื่นๆ กลับได้รับการประกันตัว แต่สำหรับเยาวชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยเหล่านี้ความผิดประการเดียวที่พวกเขาทำคือ แสดงความคิดเห็น วิพากษ์วิจารณ์อำนาจเผด็จการ และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบัน ซึ่งควรเป็นสิ่งที่กระทำได้อย่างเสรีในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนกรณีที่ราชทัณฑ์ปฏิเสธไม่ให้มีการนำหนังสือเข้าไปให้ผู้ต้องหาทางการเมืองประจักษ์มองว่า ระบบยุติธรรมไทยกำลังทำให้ผู้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองเหล่านี้เปรียบเสมือนเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ พรากสิทธิทุกอย่างตั้งแต่ต้น แม้กระทั่งสิทธิในการเข้าถึงการศึกษาหรือเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ทั้งนี้ ประจักษ์ระบุว่า ศาลต้องเป็นกลางและยุติธรรมสังคมจึงจะสงบ ไม่ควรใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมืองป้องกันไม่ให้ผู้มีอำนาจถูกวิจารณ์หรืออยู่เหนืออำนาจการตรวจสอบของประชาชน พร้อมทวงถามว่า เกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของประเทศไทยอยู่ตรงไหนในเวทีโลก การที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยปละละเลยให้มีการจับกุมคุมขังนักโทษคดีทางการเมืองอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ตัว พล.อ. ประยุทธ์ ก็ไม่ต่างจากผู้นำเผด็จการทหารเมียนมาอย่าง พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ดังนั้น พล.อ. ประยุทธ์ ต้องออกมาแสดงจุดยืนในเรื่องนี้ เพื่อคืนความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ออกมาชุมนุมทางการเมือง