เซบาสเตียน เคิร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกดดันจากข่าวอื้อฉาวเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ขณะเสนอ อเล็กซานเดอร์ ชาลเลนเบิร์ก รัฐมนตรีต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งแทน
เคิร์ซและคนอื่นๆ อีก 9 คน ถูกสอบสวนหลังจากมีการบุกเข้าตรวจค้นสถานที่หลายแห่งที่เชื่อมโยงกับพรรคอนุรักษ์นิยม ÖVP People’s Party ของเขา โดยเคิร์ซปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า เขาใช้เงินของรัฐบาลเพื่อให้หนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับหนึ่งรายงานข่าวเกี่ยวกับรัฐบาลในเชิงบวก
ข้อกล่าวหาที่มีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ทำให้รัฐบาลผสมของเคิร์ซตกอยู่ในภาวะระส่ำระสาย หลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรค Greens กล่าวว่า เคิร์ซไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป และได้เริ่มพูดคุยกับฝ่ายค้าน ซึ่งขู่ว่าจะลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า
เวอร์เนอร์ คอกเลอร์ หัวหน้าพรรค Greens และรองนายกรัฐมนตรี ขานรับการลาออกของเคิร์ซ และระบุว่าเขายินดีที่จะทำงานร่วมกับชาลเลนเบิร์ก
“สิ่งที่เราต้องการในตอนนี้คือความมีเสถียรภาพ เพื่อแก้ปัญหาทางตัน ผมต้องการหลีกทางเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย” เคิร์ซกล่าวในขณะที่เขาประกาศลาออก อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่าจะยังคงเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกรัฐสภาต่อไป
“อย่างแรกและสำคัญที่สุด แน่นอนว่าผมจะใช้โอกาสเพื่อพิสูจน์ข้อกล่าวหา” เขากล่าวเสริม โดยเขาระบุว่า ข้อกล่าวหาของเขานั้น ‘ไม่มีมูล’
ทั้งนี้ เคิร์ซ บุคคลอื่นอีก 9 ราย และองค์กรอีก 3 แห่ง ถูกสอบสวน ‘ในข้อหาละเมิดความไว้วางใจ ทุจริต และติดสินบน’ สำนักงานอัยการฝ่ายเศรษฐกิจและการทุจริต กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (6 ตุลาคม) หลังจากที่มีการเข้าบุกค้นทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง บ้านและสำนักงานของผู้ช่วยอาวุโสของนายกรัฐมนตรี
เคิร์ซได้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ÖVP ในเดือนพฤษภาคม 2017 และนำพรรคคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งในปีเดียวกัน พร้อมทำสถิติเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยที่อายุน้อยที่สุดในโลก ด้วยวัย 31 ปี
ภาพ: Thomas Kronsteiner / Getty Images
อ้างอิง: