วานนี้ (4 ตุลาคม) รัฐสภาสิงคโปร์มีมติด้วยคะแนนเสียง 75 ต่อ 11 ให้การรับรองพระราชบัญญัติตอบโต้การแทรกแซงจากต่างชาติ (Foreign Interference Countermeasures Act: FICA) ซึ่งจะขยายขอบเขตอำนาจของรัฐบาลในการต่อต้านการแทรกแซงกิจการภายในจากต่างชาติ ท่ามกลางความกังวลจากฝ่ายค้านและนักเคลื่อนไหว ที่ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเครื่องมือในการปราบปรามผู้เห็นต่าง
ภายใต้กฎหมายใหม่นี้ จะให้อำนาจทางการสิงคโปร์ในการบังคับให้โซเชียลมีเดียและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการเว็บไซต์ ต้องเปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้งาน หรือปิดกั้นเนื้อหา รวมถึงลบแอปพลิเคชันที่มองว่าเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ
ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์สามารถกำหนดให้องค์กรหรือบุคคลใดๆ เป็น ‘บุคคลที่มีความสำคัญทางการเมือง’ โดยขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งหมายความว่า องค์กรหรือบุคคลที่เข้าข่ายจะต้องเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินทุนและความเชื่อมโยงกับต่างชาติ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีอำนาจในการดำเนินการกับประชาชนที่ถูกมองว่าเป็นตัวแทนต่างชาติและพยายามเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์ยืนยันว่ากฎหมายฉบับใหม่นี้มีความจำเป็นเพื่อต่อต้านภัยคุกคามจากต่างชาติ ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
ขณะที่สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีประชากรหลายเชื้อชาติ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นปรปักษ์ ซึ่งอาจสร้างความขัดแย้งและความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน เช่นในประเด็นการเมือง หรือปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้งจากประเด็นศาสนาและเชื้อชาติ
ทั้งนี้ การอุทธรณ์คัดค้านการตัดสินใจใดๆ ของคณะรัฐมนตรีภายใต้กฎหมายฉบับนี้ จะดำเนินการผ่านองค์กรศาลอิสระที่มีผู้พิพากษาเป็นประธาน และไม่ใช้กระบวนการศาลตามปกติ ซึ่งคำตัดสินของผู้พิพากษาศาลอิสระถือเป็นที่สิ้นสุด โดยรัฐบาลสิงคโปร์มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคุ้มครองความมั่นคงของชาติ
ขณะที่การลงมติรับรอง พ.ร.บ.FICA มีขึ้นในเวลาเกือบเที่ยงคืนวานนี้ ภายหลังการอภิปรายอย่างดุเดือดระหว่างสมาชิกรัฐสภาฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านที่ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง
ซึ่งกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลว่า พ.ร.บ.FICA จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับรัฐบาลในการปราบปรามการเคลื่อนไหวของประชาชนและสื่อ รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้าน
“การผ่าน พ.ร.บ.FICA ในวันนี้ ถือเป็นหายนะด้านสิทธิมนุษยชนสำหรับนักเคลื่อนไหวในชุมชน สื่ออิสระ และนักการเมืองฝ่ายค้าน เพราะมันมอบอำนาจตามอำเภอใจให้กับรัฐบาลสิงคโปร์ ในการลงโทษใครก็ตามที่มีข้อกล่าวหาที่คลุมเครือ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับต่างชาติ
“การใช้กฎหมายนี้ รัฐบาลสามารถปิดมุมมองที่ไม่ชอบได้ และเป็นอีกครั้งที่สิงคโปร์แสดงให้เห็นถึงศรัทธาเพียงเล็กน้อยในระบอบประชาธิปไตย โดยใช้มาตรการทางการเมืองที่เหมาะสมกับระบอบเผด็จการ ที่ไม่ไว้วางใจประชาชนของตน” ฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียขององค์การ Human Rights Watch ระบุในแถลงการณ์คัดค้าน พ.ร.บ.FICA
ภาพ: Photo by Athanasios Gioumpasis/Getty Images)
อ้างอิง:
