นอกจากคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Backstreet Boys ที่โด่งดังสุดขีดในยุค 90s แล้ว NSYNC ถือเป็นอีกหนึ่งวงบอยแบนด์ระดับไอคอนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดแห่งโลกดนตรีตะวันตก ซึ่งแม้พวกเขาจะออกอัลบั้มเพียงไม่กี่ชุด แต่ต้องบอกว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ผลงานเหล่านั้นก็มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมวัฒนธรรมป๊อปฝั่งอเมริกาอย่างมาก
NSYNC ก่อตั้งวงในวันที่ 1 ตุลาคม ปี 1995 หรือวันนี้เมื่อ 26 ปีก่อน โดยเริ่มจากการที่ Lou Pearlman อดีตผู้จัดการวง Backstreet Boys ได้ทำความรู้จัก Chris Kirkpatrick แล้วเกิดความประทับใจในความสามารถของเขา ก่อนจะเฟ้นหาสมาชิกที่เคมีเข้ากันอีก 4 คน ได้แก่ Justin Timberlake, JC Chasez, Joey Fatone และ Lance Bass ผู้เข้ามาแทนที่ Jason Galasso ที่ลาออกจากวงไปเพราะมีความคิดเรื่องทิศทางดนตรีไม่ตรงกับเพื่อน
หลังจากนั้นพวกเขาก็รวมตัวฝึกซ้อมไปพร้อมๆ กับทำเดโมและได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงเยอรมันอย่าง BMG Ariola Munich ถูกส่งตัวไปทำงานร่วมกับสุดยอดโปรดิวเซอร์ชาวสวีดิชอย่าง Denniz Pop และ Max Martin ก่อนจะปล่อยซิงเกิลแรก I Want You Back ออกมา ตามด้วยเดบิวต์อัลบั้ม ‘N Sync (1997) ที่ทำให้พวกเขาเริ่มมีชื่อเสียงในประเทศแถบยุโรป
ปี 2000 คือช่วงเวลาที่ NSYNC โด่งดังเป็นพลุแตกกับ No Strings Attached อัลบั้มชุด 2 ซึ่งทำยอดขายทั่วโลกไปกว่า 11 ล้านก๊อบปี้ มีเพลงซิกเนเจอร์อย่าง Bye Bye Bye, ซิงเกิลอันดับ 1 ชาร์ต Billboard Hot 100 อย่าง It’s Gonna Be Me และจัดทัวร์คอนเสิร์ตชื่อ No Strings Attached Tour ที่บัตรทุกรอบการแสดงขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก
ต่อมาภายหลังปล่อยอัลบั้มชุด Celebrity (2001) และเสร็จสิ้นภารกิจทัวร์ช่วงกลางปี 2002 วง NSYNC ก็ประกาศหยุดพัก ซึ่งตอนแรกหลายฝ่ายคาดว่าเป็นการพักชั่วคราว แต่ท้ายสุดมันดันจบลงด้วยการยุบวง ปิดตำนานหนึ่งในวงบอยแบนด์ที่มีอิทธิพลที่สุดแห่งยุคปลาย 90s ถึงต้น 2000s ไปแบบเงียบๆ
โดยตลอดเวลาที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงพวกเขาทำยอดขายอัลบั้มทั่วโลกไปกว่า 70 ล้านก๊อบปี้ สร้างสถิติน่าทึ่งและชนะรางวัลต่างๆ มากมาย ถูกประทับชื่อลงบนถนน Hollywood Walk of Fame และยังคงกลับมารวมตัวกันตามโอกาสพิเศษอยู่เรื่อยๆ
ภาพ: Tim Roney/Getty Images