ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยวันนี้ (20 กันยายน) นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลประชุม Fed รวมถึงวิกฤตขาดสภาพคล่องของ Evergrande ซึ่งเป็นยักษ์เบอร์ 2 ด้านอสังหาริมทรัพย์ของจีน จึงกดดันให้ดัชนีปรับลดลง 22 จุด ด้านนักวิเคราะห์มองเป็นปัจจัยลบระยะสั้น เชื่อหุ้นไทยยังไม่หลุด 1,600 จุด
โดยดัชนีปิดการซื้อขายที่ 1,603.06 จุด -22.59 จุด หรือ -1.39% มูลค่าการซื้อขาย 85,013.63 ล้านบาท
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า บรรยากาศการลงทุนของตลาดหุ้นไทยวันนี้ นักลงทุนอยู่ในภาวะ Wait & See รอความชัดเจนผลการประชุม Fed ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายน 2564 (รู้ผลช่วงเช้าวันที่ 23 กันยายน ตามเวลาประเทศไทย)
ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ Dollar Index แข็งค่า สวนทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่ามาที่ 33.35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังเป็นปัจจัยที่จำกัดทิศทาง Fund Flow ต่อตลาดหุ้นไทยต่อไป นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันต่อราคา Commodity ที่ปรับลงอีกด้วย
ส่วนปัจจัยเรื่องการขยายเพดานหนี้เงินกู้สาธารณะเป็น 70% ต่อ GDP จากปัจจุบัน 60% ที่เพิ่งประกาศออกมาในช่วงบ่ายนั้น มองว่ามีผลต่อดัชนีค่อนข้างน้อย เพราะเป็นปัจจัยที่รู้กันอยู่แล้วตั้งแต่ที่มีการคาดการณ์ตัวเลขหนี้สาธารณะเดือนกันยายน ซึ่งตลาดคาดการณ์กันไว้ที่ 58.88%
“หุ้นไทยวันนี้รับผลกระทบเชิง Sentiment จากตลาดหุ้นต่างประเทศและปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งไม่กระทบต่อปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย จึงเชื่อว่าดัชนีในช่วงนี้จะไม่หลุดแนวรับสำคัญที่ 1,600 จุด แม้ระหว่างวันจะหลุดลงไปบ้าง แต่ดัชนีปิดก็จะยืนเหนือ 1,600 จุดได้”
ฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย ระบุว่า หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวร่วงตามตลาดหุ้นภูมิภาค อาทิ ดัชนีฮั่งเส็ง (HSI) ตลาดหุ้นฮ่องกง และดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ซึ่งปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน เพราะรับแรงกดดันจากกรณีวิกฤตสภาพคล่องของ Evergrande ของจีน ที่อาจจะกลายเป็น Asia Subprime
นอกจากนี้นักลงทุนเทขายทำกำไร (Take Profit) ก่อนการประชุม FOMC ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ระหว่างวันที่ 21-22 กันยายนนี้ (ตามเวลาสหรัฐฯ) โดยวันนี้กลุ่มอุตสาหกรรมที่ถูกเทขายหนักมากสุดคือ Commodity